สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ว่าศาลในกรุงเตหะรานมีคำพิพากษา ว่ารัฐบาลวอชิงตันต้องชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 11,599.50 ล้านบาท ) จากการอยู่เบื้องหลัง ความพยายามของทหารกลุ่มหนึ่ง ในการรัฐประหาร เมื่อปี 2523 หรือเพียงปีเดียวหลังผ่านพ้นการปฏิวัติอิหร่าน
ข้อมูลจากสำนักข่าวแห่งชาติอิหร่าน ( ไออาร์เอ็นเอ ) ระบุว่า “กลุ่มผู้ก่อการ” นำโดยพล.อ.อ.ซาอีด มาห์ดิยูน อดีตผู้บัญชาการกองทัพอากาศ และใช้ฐานทัพโนเจห์ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฮาเมดัน ทางตะวันตกของประเทศ เป็นฐานปฏิบัติการ แม้การล้มอำนาจไม่สำเร็จ แต่ความพยายามครั้งนั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ถูกจับกุมจำนวนมาก
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อปี 2496 หน่วยข่าวกรองของสหรัฐและสหราชอาณาจักรร่วมกันสนับสนุน การรัฐประหารโค่นอำนาจนายกรัฐมนตรีโมฮาเหม็ด มอสซาเดกห์ ผู้นำอิหร่านในเวลานั้น ซึ่งแปลงทรัพย์สินบริษัทน้ำมันให้เป็นของรัฐ
ทั้งนี้ สหรัฐและอิหร่านไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ผ่านพ้นการปฏิวัติ เมื่อปี 2522 ขณะที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ( ไอซีเจ ) หรือศาลโลก มีคำพิพากษา เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ว่าสหรัฐ “ละเมิด” สนธิสัญญามิตรไมตรีและการค้ากับอิหร่าน ซึ่งทั้งสองประเทศลงนามร่วมกัน เมื่อปี 2498 หมายความว่า รัฐบาลวอชิงตัน “ไม่มีอำนาจชอบธรรม” ที่จะอายัดทรัพย์สินจากบริษัทหลายแห่งของอิหร่าน
คำตัดสินของศาลโลกระบุว่า รัฐบาลเตหะราน มีสิทธิเรียกร้องและได้รับค่าชดเชยจากสหรัฐ โดยทั้งสองประเทศต้องบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ภายในระยะเวลา 24 เดือน นับจากวันที่มีการประกาศคำพิพากษา หากไม่สามารถเห็นชอบร่วมกันได้ ศาลโลกจะเป็นผู้วินิจฉัยและกำหนดค่าชดเชย ที่รัฐบาลวอชิงตันต้องจ่ายให้แก่อิหร่าน.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
