เมื่อวันที่ 29 ส.ค. น.ส.บีร์ (นามสมมุติ) นักธุรกิจ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ในข้อหาฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสาร โดยระบุอ้างว่า นายเอ ชายหนุ่มดูภูมิฐาน บุคลิกดี อายุ 30 ปี เข้ามาทำความรู้จักและตีสนิทว่าจะมาร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยที่พัทยา พร้อมกับบอกว่า หากมีเรื่องหรือปัญหาอะไรสามารถช่วยเหลือเคลียร์ได้หมด เพราะรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ข้าราชการมากมาย ซึ่งพยายามแสดงออกให้รู้ว่ามีสัมพันธ์ที่ดีสนิทสนมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สร้างโปรไฟล์ในโลกออนไลน์สวยหรู สุดท้ายกลับต้องเสียเงินไปเกือบ 500,000 บาท ซึ่งพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวมักจะหาเหตุผลมาอ้างต่างๆนานาว่ารู้จักคนใหญ่คนโต และทำทีเหมือนคอยประสานงานเรื่องราวต่างๆให้ รวมถึงเรื่องคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร เหมือนหลอกเอาเงินไปโดยใช้วิธีแอบอ้างสร้างภาพให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือตลอดเวลา มักแสดงพฤติกรรรมกระทำแบบเดียวกันนี้กับเหยื่อผู้เสียหายหลายรายทั้งที่ กรุงเทพฯ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ปราจีนบุรี จ.สมุทปราการ และที่ จ.ชลบุรี

น.ส.บีร์ อ้างเพิ่มเติมว่า บางครั้ง นายเอ อ้างตัวเป็นทหารเสนาธิการ แอบอ้างตัวเป็นลูกชายนายตำรวจชื่อดัง เข้าตีสนิทกับเหยื่อเป้าหมาย ก่อนกล่าวอ้างตัวและจัดฉากสร้างสถานการณ์หว่านล้อมให้หลงเชื่อ ทุกวันนี้ก็ยังคงลอยนวลวนเวียนตระเวนก่อเหตุอยู่เรื่อยมาถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง

จากการตรวจสอบพบว่า นายเอ เคยเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล มาแล้วถึง 3 ชื่อ จะใช้รถยนต์ 3 คัน สลับสับเปลี่ยนสวมทะเบียนกันใช้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ มีผู้เสียหายหลายคดี หากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความก็จะฟ้องร้องกลับจนผู้เสียหายหวาดกลัวไปหลายราย เกิดความท้อและยอมความในที่สุด หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดรับเรื่องแจ้งความช่วยเหลือทางผู้เสียหาย ก็จะหาทางกลั่นแกล้งแจ้งความเจ้าหน้าที่ในมาตรา 157 หรือหาทางไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานเพื่อสร้างความวุ่นวาย โดยเชื่อว่ากระทำการกันเป็นขบวนการ ซึ่งอาจมีผู้เกี่ยวข้องเชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอยช่วยเหลืออยู่

จึงขอฝาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ช่วยตรวจสอบดำเนินคดีกับชายหนุ่มคนดังกล่าวและผู้เกี่ยวข้องในขบวนการ พร้อมติดตามตัวมาสอบสวนและสืบค้นข้อมูลในเชิงลึกการกระทำความผิด และหาความเชื่อมโยงของผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีด้วย ก่อนจะย่ามใจคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กระทำความผิดซ้ำซาก โดยไม่มีหน่วยงานใดกล้าแตะต้องจนอาจทำให้มีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นต่อไปอีกด้วย