31 สิงหาคมที่ผ่านมาได้เห็นภาพ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำพลพรรคทำพิธีไหว้ลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทำเนียบรัฐบาล และได้เห็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศปิดบ้านป่ารอยต่อเตรียมลาออกจากสส. ขอนั่งแค่เก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)คุมเกมการเมืองในพรรคกันพลพรรคแตก
หลังจากฝุ่นตลบกับการแบ่งเค้กปรับเปลี่ยนตำแหน่งคณะรัฐมนตรี (ครม.)กันไปมาอยู่นาน เพราะมีการปรับโผเปลี่ยนคน โยกเก้าอี้อยู่หลายตลบ ล่าสุดมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 1” โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นรมว.คลัง นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรองนายก นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็นรองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกฯและรมว.มหาดไทย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรองนายกฯและรมว.พลังงาน
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายสุทิน คลังแสง เป็นรมว.กลาโหม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ เป็นรมช.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นรมช.คลัง นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นรมช.ต่างประเทศ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็นรมว.ท่องเที่ยวฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรมว.พัฒนาสังคมฯ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี เป็นรมว.อุดมศึกษาฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรมว.เกษตรฯ นายไชยา พรหมา เป็นรมช.เกษตรฯ นายอนุชา นาคาศัย เป็นรมช. เกษตรฯ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี เป็นรมช.คมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เป็นรมช.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เป็นรมช.พาณิชย์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ เป็นรมช.มหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรมช.มหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นรมช.มหาดไทย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นรมว.ยุติธรรม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรมว.แรงงาน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นรมว.ศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรมช.ศึกษาธิการ นายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นรมว.สาธารณสุข นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรมช.สาธารณสุข น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เป็นรมว.อุตสาหกรรม
สุดท้ายมาตรวจดูรายชื่อครม. มีหลุดไป 2 ตำแหน่ง คือ “พิชิตชื่นบาน” ที่ปรึกษาพท.ซึ่งในโควตานี้ พท.อาจจะเปลี่ยนเอา “ชูศักดิ์ ศิรินิล” เข้ามาแทนหรือไม่ และ“ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร พปชร.ที่ยังติดปัญหาคดีทำร้ายร่างกาย เมื่อ12ปีก่อน ที่จะต้องไปเคลียร์ปัญหาให้เรียบร้อย โดยทางพปชร.ยังคงโควต้านี้ไว้ให้ กับ“ไผ่ ลิกค์”
เป็นการปักหมุดเดินหน้า “ครม.เศรษฐา 1” โดยมีเสียงสะท้อนจากพลพรรคการเมืองถึงการจัดคนไม่ถูกกับงาน อย่าง “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ตั้งท่ารอจองกฐินรอนวดในสภาเพราะมีคำถามในใจเป็นล้าน เพราะไม่เชื่อมั่น“ครม. เศรษฐา 1” เมื่อมองหน้าตารัฐบาลหลายคนก็คุ้นเคย หลายคนก็มีมลทินมัวหมอง บางคนมีประวัติเรื่องยาเสพติด รัฐบาลนี้จะต้องตอบคำถาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อพี่น้องประชาชน และรอดูวันที่มีการแถลงนโยบายของรัฐบาลอะไร คือ รายละเอียด มีหลายเรื่องที่ท้าทายความเชื่อ เช่น ลดค่าไฟ คำถามสำคัญก็ คือ ภายใต้หน้าตารัฐบาลแบบนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร ฉะนั้นอย่าให้การตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องการตอบแทนบุญคุณ อย่าเอาผลประโยชน์ของประชาชนไปเป็นส่วนหนึ่งของการตอบแทนบุญคุณของเครือข่ายของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สะท้อนภาพจัดหนักถึงการจัดสรรโควตารัฐมนตรี พร้อมยังพุ่งเป้าไปที่ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะเคยถูกไล่ออกกจากราชการ เพราะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ที่ทำหน้าที่แล้วมีคนตาย แม้ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเป็นหัวหน้าคสช.แม้จะยกโทษให้ แต่ความผิดนั้นยังคงอยู่ หากเลขาธิการสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)ตรวจไม่พบความผิดผมจะตรวจสอบต่อเอง หากกรณีนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าขาดคุณสมบัติ เชื่อว่า วิษณุ เครืองาม รองนายกฯที่กำกับ สลค.ต้องรับผิดชอบ

งานนี้ “ครม.เศรษฐา 1 ” น่าจะตกที่นั่งลำบาก เพราะจะต้องพารัฐนาวาฝ่ากระแสคลื่นลม ที่ตั้งเค้าเป็นพายุรอโถมเข้าใส่แบบไม่ยั้ง หวังทำลายศรัทธาให้ลดน้อยถอยลงไปอีก ทั้งที่ไม่มีจะเหลือแล้ว จากการจัดฉากละครการเมืองที่ผ่านมา
ไทม์ไลน์ต่อไป คือ ครม.ใหม่เตรียมเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ 5 กันยายน จากนั้นจะประชุมครม.นัดพิเศษในวันที่ 6 กันยายน ก่อนถือกฤษ์แถลงนโยบายต่อรัฐสภา 8 กันยายนจากนั้นก็ปักหมุดประชุมครม.เศรษฐา 1 นัดแรก วันที่ 12 กันยายน
ด้วยสภาพครม.ที่ดูเหมือนผิดฝาผิดตัว บางคนจับวางไม่ถูกกับงาน แถมยังมีรัฐมนตรีสายล่อฟ้าทำศรัทธาล่วงดิ่งลงไปอีก ดูเหมือน“เสี่ยนิด” จะรู้ถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี ว่า ต้องทำหน้าที่นายแบกเหล่าบรรดาครม.นี้ไปให้รอด แต่ด้วยสถานการณ์ไม่เป็นใจทำให้การจัดครม.ไม่ได้เป็นครม.ในฝันอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ จึงไม่มีเวลาฮันนีมูนต้องเร่งสปีดทำงานกันรัวๆ ระหว่างรอครม.ใหม่
เริ่มด้วยการ ลงพื้นที่พบปะประชาชน และรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชน จังหวัดภูเก็ตและพังงา ก่อนที่จะเรียกกลุ่มธุรกิจการบิน เข้าหารือ เพื่อช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันที่กำลังจะมาถึง เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่ก่อนหน้าก็ได้ไปพบกับกลุ่มเจ้าสัว กลุ่มนายทุนใหญ่ ระดับต้นๆของเมืองไทย และทยอยเรียกว่าที่รัฐมนตรี โดยเฉพาะ “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ว่าที่รมช.คลังเข้าพบ เพื่อวางแผนจัดงบเข้าสู่เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทให้ทันในการใช้ในช่วงสงกรานต์ตามที่ประกาศไว้ และจะประกาศลดราคาพลังงานทันที หลังประชุมครม.นัดแรก
เชื่อว่าแค่นี้คงยังทำให้ประชาชนชื่นใจไม่ได้ เพราะหลายคนคาดหวังกับรัฐบาลเพื่อไทย ให้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้นอกจากการเติมดิจิทัล 1หมื่นบาท ยังมีเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท การลดค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การพักหนี้การเกษตรและอื่นๆ อีกมากมายที่อยากได้
จะว่าคนไทยใจร้อนไม่ได้เพราะ ทุกสัญญาต้องมีคำตอบและเป็นสิทธิ์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องออกมาทวงเช้า ทวงเย็น เนื่องจากดูสภาพปัจจุบันกับฉากเพื่อไทยการละครแล้วยังวางใจไม่ได้แม้ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จะรับผิดชอบคำพูดด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรคเพี่อไทย ที่พรรคเพื่อไทยได้จับมือ 2 ลุง จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว แต่เป็นการละคร ที่เห็นได้ชัดว่า เป็นการลาออกไปรับเก้าอี้ ในตำแหน่ง รมว.สาธารณะสุข แบบสวยๆ ที่สำคัญภาพรัฐมนตรีในครม. เศรษฐา 1 ล้วนแต่เป็นนักการเมืองน้ำเก่าที่ใครๆ ก็รู้มือดีว่า การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้คนไทยจนมาแล้วเก้าปีด้วยความไม่เชื่อมั่น จึงเป็นงานหนักของ “เสี่ยนิด” ในการเสกสุขให้กับประชาชนได้ ตามที่พูดไว้หรือไม่

แต่ที่แน่ๆหลัง “บิ๊กตู่”ไขก๊อก ลงจากประธานที่ปรึกษาพรรครทสช ตัดวงจรออกจากสนามการเมือง การเดินหน้าทุกอย่างของพรรครทสช.จึงถูกกำหนดโดยนายทุน ล่าสุดมีการตั้งคำถามระเบ็งเซ็งแซ่โดยโควตารัฐมนตรี “กฤษฎา” ที่เดิมเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย แต่กลับต้องมากินโควตาของพรรครทสช. ในโค้งสุดท้ายเป็นปัญหาคาใจที่สมาชิกพรรคต้องการคำตอบ
ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็วุ่นวายไม่แพ้กันกับคำถามที่ว่าการจัดครม. ครั้งนี้เพื่อไทยยอมให้พรรคร่วมจนสุดซอยไม่เหลือเก้าอี้ดีๆ แม้กระทรวงแรงงานยังต้องเกลี่ยให้พรรคภูมิใจไทย ทั้งที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายค่าแรง 600 กระทรวงคมนาคม พรรคภูมิใจไทยก็เอาไปกิน ทั้งที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายเรื่องลดค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทั้งหมด มีคำตอบ เดียว คือ การที่พรรคเพื่อไทย ต้องยอมจนสุดซอยก็เพราะมีนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ15 ปี กลับมารับโทษแล้ว จึงกลายเป็นตัวประกันที่พรรคเพื่อไทยต้องยอม ล่าสุด “ทักษิณ” ก็ได้ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการส่วนตัวและได้พระราชทานอภัยลดโทษ เหลือจำคุก 1 ปี
ระหว่างรอครม.เข้ามาทำหน้าที่ สภาเกิดเรื่องวุ่นๆ เจอเกมป่วนตีรวนทำให้เห็นภาพ“สภาล่ม”ตั้งแต่หัววัน ประเดิมรัฐบาลเพื่อไทย โดยพรรคก้าวไกล เสนอนับองค์ประชุม พบมีผู้แสดงตนเพียง 98 คน ทำให้ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งปิดทันที ถือว่าเป็นการทำให้รัฐบาลเสียรังวัดตั้งแต่ยกแรก
นับเป็นวิบากกรรม ของรัฐบาลข้ามขั้ว ที่“ครม.เศรษฐา 1” ต้องก้มหน้ายอมรับขวากหนามข้างหน้า ต้องเจอเกมเตาะตัดขาในสภารอเขย่ารัฐบาล