เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 1 ก.ย. ที่ท่าเทียบเรือ โรงน้ำแข็งศิริไพโรจน์ จ.สมุทรสงคราม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พร้อมด้วยนางมนพร เจริญศรี ว่าที่ รมช.คมนาคม และรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายไผ่ ลิกค์ ว่าที่ รมช.พาณิชย์ เพื่อรับฟังปัญหาจากตัวแทนชาวประมงในพื้นที่ที่ได้รับถึงผลกระทบจากประกาศของ IUU และแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง พร้อมกันนี้ยังมีคณะทำงานด้านการประมงของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมคณะ มีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม รอให้การต้อนรับ 

ทันทีที่มาถึง นายกฯ และคณะ ได้เดินไปยังบริเวณท่าเรือ เพื่อดูเรือประมงที่จอดไว้โดยไม่สามารถออกไปทำประมงได้ รวมถึงดูการขึ้นปลา และการตรวจนับลูกเรือที่ออกไปทำประมงที่มีความสำคัญ หากไม่เป็นไปตามที่ IUU จะถูกปรับเป็นเงินจำนวนมาก โดยนายเศรษฐา กล่าวทักทายประชาชนว่า วันนี้ตนมาในอีกสถานะหนึ่ง ตอนมาหาเสียงเลือกตั้ง ได้มาพูดคุยเรื่องการประมงที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ก่อนมี IUU ไทยส่งออกสินค้าด้านการประมง 3.5 แสนล้าน แต่ตอนนี้เรานำเข้า 1.5 แสนล้าน ทำให้เราเสียหายจำนวนมาก วันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เรามั่นใจว่าที่รัฐมนตรี ที่มาด้วยกันวันนี้มีความสามารถ มีความรู้ทำงานเรื่องการประมงมานาน เราต้องการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ทั้งกฎหมายภายในและการเจรจาระหว่างประเทศควบคู่กันไป 

จากนั้น ตัวแทนกลุ่มประมงได้สะท้อนปัญหาการทำประมงแก่นายกฯ และคณะ เช่นขอให้แก้กฎหมายต่างๆ ที่เป็นปัญหาต่อการทำประมง จำนวน 13 ฉบับ ที่จะสามารถทำให้การประมงสามารถขับเคลื่อนได้ และขอให้การบังคับใช้แรงงานต่างด้าวในภาคประมง เหมือนกับแรงงานต่างด้าวที่ทำงานบนฝั่ง ที่ภาคประมงจะใช้เวลานาน รวมถึงเสนอการขึ้นค่าแรงที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขอให้ทำทีละขั้น ไม่ให้ภาคธุรกิจสะดุด โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า ได้เห็นถึงความลำบากและปัญหา ตั้งแต่ตนรับสนองพระบรมราชโองการมา ไปดูเรื่องการท่องเที่ยว การแก้ปัญหาหนี้สิน และเรื่องที่สามคือเรื่องประมง เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญสูงสุด เรื่องปัญหาแรงงานเราจะแก้ปัญหา ให้เอกสารอยู่ในวันสต๊อปช็อปได้ อะไรอยู่ในอำนาจคณะรัฐมนตรี จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นหัวหน้า และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน หลายอย่างอาจทำไม่ได้ในคราวเดียว ขอให้อดทน และขอให้มั่นใจรัฐบาลเพื่อไทย อะไรทำได้ เราจะทยอยทำไปก่อน เพื่อให้ท่านลืมตาอ้าปากได้ เรื่องใหญ่ๆ อย่างเช่นเรื่องน่านน้ำ ที่ประเทศอินโดนีเซีย มีทรัพยากรเยอะมาก แต่ไม่มีความสามารถในการจับสัตว์น้ำ ดังนั้นขอให้ความมั่นใจ เราจะเดินหน้าเต็มที่ในการเปิดประตูการค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญ 

จากนั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ กรณีการจัดการวันสต๊อปช็อปรูปแบบจะเป็นอย่างไร กล่าวว่า ต้องให้คณะทำงานดูก่อน วันนี้มาดูแล้ว เห็นปัญหาว่าแรงงานที่จะทำงานต้องมีเอกสารจำนวนมาก มีหลายกระทรวงเข้ามาเกี่ยวข้อง หากเอกสารขาดก็เห็นใจ อีกทั้งเอกสารต่างๆ ก็ยังเป็นกระดาษ ก็อยากให้เข้าระบบออนไลน์ทั้งหมด เพื่อความสะดวก และในแง่การตรวจก็จะดีขึ้น 

เมื่อถามว่าที่ระบุให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ดูแลเรื่องประมง จะดูแลเฉพาะเรื่องประมง หรือหมายรวมไปถึงเรื่องเกษตรทั้งหมด นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อเป็น ว่าที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็ต้องดูทั้งหมดด้วย และจากที่ตนเรียนไป สัปดาห์ก่อนไปดูเรื่องท่องเที่ยว ตามด้วยเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สิน เรื่องประมงเป็นเรื่องที่สามที่ตนมาดูเอง เชื่อว่าเรื่องนี้เราพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ เข้ามาทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ และจัดการแก้ปัญหาโดยเร็ว ยอมรับว่าปัญหาใหญ่ปัญหาเยอะ อะไรที่ทำได้ เราจะทำก่อน

เมื่อถามว่าเท่าที่รับฟังปัญหา อะไรทำได้ทำทันที นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอพิจารณา อะไรที่เกี่ยวกับกฎกระทรวง ทบวง กรม หรือเข้าคณะรัฐมนตรี และต้องเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ก็อาจจะนานหน่อย เช่นเรื่องวิทยุมดขาด มดดำ ที่เพิ่งมีการบังคับใช้ในระยะหลัง ทั้งที่เรามีการสื่อสารทางวิทยุกันอยู่แล้ว 

เมื่อถามถึง พ.ร.บ.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว มาตรา 14 ที่เป็นปัญหาสำหรับแรงงานต่างด้าว จะสามารถแก้ได้ทันทีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องศึกษาร่วมกับกระทรวงแรงงานด้วย เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมาพูดคุยกันทุกฝ่าย 

เมื่อถามว่าน่านน้ำอินโดนีเซีย จะสามารถเข้าไปเจรจาได้เลยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอดูก่อน แต่ถือเป็นประเทศอาเซียนด้วยเหมือนกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา และไม่ถึอว่าแย่งกันทำงาน เพราะเขามีทรัพยากร เรามีความรู้ทางการทำประมง ถ้ามาร่วมกันได้ แบ่งปันผลประโยชน์ก็น่าจะลงตัว และเดินหน้าด้วยกันได้ 

เมื่อถามว่าที่มามุ่งปัญหาประมง เพราะปัญหา 8-9 ปี ทำให้ประเทศติดหล่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศเสียหายรายได้เป็นจำนวนปีละ 5 แสนล้าน ผ่านมากี่ปีแล้ว เป็นเงินเท่าไร เราก็ต้องมาแก้ไขเดินหน้าดีกว่าอย่ามองเรื่องปัญหาเก่า อย่าไปว่าใครเลยดีกว่า และมั่นใจว่ากฎหมายต่างๆ ที่ผู้ประกอบการประมงเสนอมา มั่นใจสามารถแก้ไขได้ ต้องฝาก ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับเรื่องค่าแรงที่ทางผู้ประกอบการบอกว่าจะหมุนเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องค่าแรกเป็นนโยบายหลักของทุกพรรค การขึ้นค่าแรงก็ต้องระมัดระวังในการขึ้น เพราะเป็นการขึ้นภาระค่าใช้จ่ายของทุกภาคส่วน แต่มีความจำเป็นเพราะค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการเน้นเพิ่มรายได้ ถ้าเราเพิ่มรายได้ให้เอสเอ็มอีได้ เขาก็จะสามารถเพิ่มค่าแรงได้ ซึ่งจะเร่งทำทันที ก็อาจจะช่วงปีใหม่ แต่ต้องคุยกับพรรคร่วมอีกครั้ง เพราะเราทำงานเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วม 

เมื่อถามว่าลักษณะการทำงานของนายกฯ หลังจากนี้ จะไปควบคู่กับรัฐมนตรีที่มาจากพรรคต่างๆ ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ต้องร่วมกับรัฐมนตรี อยากให้มองเป็นองค์รวมว่า ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นรัฐบาลของประชาชน ประกอบกับหลายพรรคการเมือง เชื่อว่าทุกรัฐมนตรีที่ได้รับการพูดถึง ทุกท่านมีความเป็นห่วงปัญหาปากท้องของประชาชน และมีความปราถนาดีของประเทศ ขอแค่โอกาส 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง จากนั้น นายกฯ และคณะ ได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ซึ่งเมนูอาหารประกอบด้วย แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ผัดกะเพราทะเล และปลาทูทอดหวาน โดยนายกฯ ได้ลงมือตักอาหารรับประทานด้วยตัวเองด้วย.