เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงว่า มีมวลชน กว่า 100 คน รวมตัวกันที่ตั้งแต่บริเวณโรงเรียนนิธิปริญญา ยาวไปถึงปากซอยวัดทัศนารุณสุนทริการาม หรือวัดตะพาน โดยมีการจับกลุ่มรวมตัวกันพูดคุย และร้องรำทำเพลง จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุที่ส่อไปในทางรุนแรง ผิดไปจากช่วงก่อนหน้านี้ที่มักจะมีการจุดพลุ ประทัดยักษ์ หรือระเบิดปิงปองใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน อย่างไรก็ตาม ยังมีวัยรุ่น 2 คน พยายามนำไม้ไปผลักกล้องวงจรปิดให้ส่องขึ้นฟ้า เพื่อป้องกันการจับภาพด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่สังเกตว่า ตลอดช่วงเย็นที่ผ่านมา ยังไม่มีกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรงที่ชอบสร้างสถานการณ์เข้ามาในพื้นที่ ทำให้บรรยากาศโดยรวมเป็นไปในอย่างปกติ ขณะที่สื่อมวลชนยังคงปักหลักเพื่อรายงานสถานการณ์เช่นเดิม โดยสื่อมวลชนหลายสำนักได้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ไม่มีกลุ่มมวลชนหัวรุนแรงเข้ามาในพื้นที่นั้น คาดว่ามาจากการที่กลุ่มทะลุแก๊ส ได้ประกาศยุติบทบาทชั่วคราว และนัดหมายรวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 18 ก.ย. นี้ รวมทั้งนัดหมายกันในวันที่ 30 ก.ย.ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

ต่อมาเวลา 19.20 น. มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 14-17 ปี สวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงยีนขายาว ได้จุดไฟเผาช่องระบายอากาศอุโมงค์ยักษ์ของสำนักงานระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางใต้ทางด่วนดินแดง ห่างจากป้อมจราจรที่เคยถูกเผา 100 เมตร และมีการจุดไฟเผาพุ่มไม้บริเวณโค้งทางเข้าถนนวิภาวดีรังสิต รวมทั้งนำยางรถยนต์มาเผาที่ทางเข้าถนนวิภาวดีรังสิต แต่ไม่ได้รุนแรงมากเพลิงไม่ได้โหมจนไฟลุกไหม้แต่อย่างใด

นอกจากเหตุเผาทรัพย์สินราชการทั้ง 3 จุด ได้มีกลุ่มวัยรุ่นนำสเปรย์มาพ่นข้อความตามกำแพงใต้ด่วนดินแดง และตามจุดต่างๆ อีกทั้งมีการนำประทัดมาปาให้เกิดเสียงดัง แต่โดยรวมถือว่าเงียบกว่าหลายวันที่ผ่านมา ขณะเดียวกันได้มีมวลชนคนหนึ่งได้พยายามเข้าไปเจรจากับกลุ่มวัยรุ่นที่พยายามนำรั้วมาปิดการจราจร และทำลายทรัพย์สินราชการ ซึ่งดูเหมือนว่าการได้รับความร่วมมือจากกลุ่มวัยรุ่นโดยการไม่ปิดการจราจร

น.ส.ศยามล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทาง​ กสม. ไม่อยากให้การชุมนุมเกิดความรุนแรง อีกทั้งอยากเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกลุ่มผู้ชุมนุมว่าไม่ควรใช้อาวุธหรือสิ่งเทียมอาวุธ เพราะอาจเกิดผลกระทบต่อความรุนแรงของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชาวบ้านผู้พักอาศัยบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย แท้จริงแล้วการชุมนุมสามารถกระทำได้ตามสิทธิรัฐธรรมนูญแต่ต้องอยู่ภายใต้ความสงบและอย่างเปิดเผย สำหรับกรณีการชุมนุมที่มีการแสดงความเห็นต่างทางการเมืองนั้นทาง​ กสม. รับรองในเรื่องนี้อยู่แล้ว และปรารถนาที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกในการชุมนุม ทั้งนี้อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือเช่นเดียวกันและอย่าให้เกินระยะเวลาการประกาศเคอร์ฟิว เพราะทางเจ้าหน้าที่จะไม่มีเหตุที่ต้องสลายการชุมนุม

ด้านตัวแทนชาวบ้าน เปิดเผยว่าเหตุการณ์​ที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มใช้แยกดินแดงเป็นพื้นที่ของการปะทะต่อเนื่องกันแบบรายวัน ซึ่งจะเห็นมิติการใช้ความรุนแรงอย่างหนักหน่วงเป็นบางช่วง อย่างกรณีที่มีเด็กถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถชนเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงและหมายถึงชีวิตซึ่งไม่ใช่วิธีป้องปราม โดยความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า รัฐเป็นที่พึ่งของประชาชนแต่กลับมาใช้ความรุนแรง ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจและมองว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้รุนแรงเกินไปและไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ตนอยากเห็นมิติที่ภาครัฐเป็นฝ่ายสื่อสารกับตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อเจรจาซึ่งกันและกันอย่างปลอดภัย.