อาทิตย์ที่ผ่านมา คงไม่มีข่าวไหนร้อนแรงทางการเมืองมากไปกว่าข่าวการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ออกจากตำแหน่งแบบสายฟ้าแลบ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมบอกว่า “ผมทำของผมเอง”

กระแสข่าวที่ว่า เป็นสาเหตุให้ต้องปรับคือเพราะปัญหาการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ช.”ที่มีมาอย่างต่อเนื่องในการให้ปรับ ครม. ถึงขนาดมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาจากบ้านป่ารอยต่อ ที่พักของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) พี่ใหญ่ 3 ป.หรือพี่ใหญ่ คสช. ในด้านออกจะลบๆ เป็นระยะ

ข่าวที่ว่าเริ่มตั้งแต่ช่วงโหมโรงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กลุ่ม 3 ช. “บางคน”ไม่อยากเป็นรัฐมนตรีช่วย เพราะ “ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ”เท่ารัฐมนตรีว่าการ ทำให้ไม่สามารถทำผลงานที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ซึ่ง พปชร.ก็อยากกลับมาเป็นรัฐบาล แต่หืดขึ้นคอไม่น้อยเพราะยังมีหลายเรื่องที่กระทบคะแนนเสียง

จิ้งจกในบ้านป่ารอยต่อกระซิบออกมาว่า ถึงขนาดมีการเสนอให้โหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะทำให้ ครม.พ้นทั้งคณะ และหยอดทำนองว่า “จะเลือก พล.อ.ประวิตร”ขึ้นเป็นนายกฯ แทน ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธพร้อมบอกว่า “มึงจะให้กูทรยศน้องกูหรือ”และลามไปถึงมีการปล่อยข่าวว่า “นายกฯ จ่ายเงินแลกเสียงโหวต”ซึ่งสภาตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้อยู่

ปฏิบัติการเลื่อยขาเก้าอี้มีหรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้รับเสียงโหวตไว้วางใจ และก็มี “แผ่นดินไหว”เกิดขึ้นจากการปลดรัฐมนตรีฟ้าแล่บดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อาจเรียกว่า..ฝุ่นยังตลบอบอวล ไม่รู้ว่าจะมี“อาฟเตอร์ช็อค” อะไรหรือไม่ โดยเฉพาะจากผู้ที่“เสียผลประโยชน์”อาจมีการ “วัดกำลัง”ส.ส.ในมือ

แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะทำงานกับนักการเมือง เป็นหัวหน้าพรรค พปชร. “บิ๊กป้อม”คงต้องใช้ทั้งไม้อ่อนไม่แข็งในการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในร่องในรอยให้ได้ ให้ ส.ส.และรัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อไปไม่ให้สะดุด เพื่อการที่รัฐบาลจะอยู่ได้ครบเทอม สยบข่าวหากมีการร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เสร็จจะยุบสภา

เรื่องศึกในพรรคก็ปล่อยให้พี่ใหญ่ คสช. จัดการไป แต่เรื่องใน ครม.ในฝ่ายบริหาร อำนาจเต็มของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หลังเกิดเหตุก็ย้ำตลอดว่า “เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้างเพื่อให้เกิดผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดิน” ก็เข้าใจได้ว่า ถ้าเกิดปัญหาต่อรอง ชิงเก้าอี้กันไม่จบ การบริหารราชการแผ่นดินก็จะสะดุด สะเทือนไปด้วย

แม้เป็น รมช. ส่วนของ ร.อ.ธรรมนัสเองก็ดูงาน สปก. นางนฤมลเองก็ดูงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งเป็นส่วนที่ถ้าจะสร้างผลงานเพื่อหาเสียงก็ทำได้ รัฐมนตรีช่วยของประชาธิปัตย์เองก็เห็นยังขยันจะเป็นข่าว ขึ้นอยู่กับการคิดนโยบายและการเอาผลงานไหนเป็นจุดขาย ..ไม่ใช่ไร้ผลงาน ไร้อำนาจไปเสียหมดถ้าไม่ใช่ รมว.

แต่นาทีนี้ การเคลื่อนไหวให้เกิดแรงกระเพื่อมในรัฐบาล“ไม่เป็นผลดี”เพราะงานล้นมือรัฐบาลมีหลายอย่าง แค่เรื่องการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดก็เรียกว่าอ่วมแล้ว ยังมีเรื่องน้ำท่วมเข้ามา เรื่องกลุ่มต่อต้านรัฐบาลต่างๆ ความเป็นผู้นำทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เอง คงต้อง“ตัดสินใจ”เพื่อความเป็นเอกภาพของฝ่ายบริหาร ให้มีสมาธิทำงาน

หลายคนอาจจับตาพี่น้อง คสช. แตกหักเพราะการปลด“ลูกรัก” พล.อ.ประวิตรคงกระทบต่อเจ้าตัวพอสมควร แต่มุมหนึ่งถ้า “พี่ป้อม”เลือกเสถียรภาพของรัฐบาล ก็ต้องเข้าใจและหนุนหลัง “น้องตู่”ผู้ซึ่งประกาศความผูกพันกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งถ้าสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ปัญหาอื่นคลี่คลายเรื่องในพรรคค่อยว่ากันก็ได้

นาทีนี้บริหารจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยก่อน สำคัญกว่าปัญหาในพรรค.