เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เปลวไฟภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอย 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้เกิดปะทุขึ้นมาอีกทำให้มีกลุ่มควันสีดำจำนสวนมากพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องเข้าระดมฉีดน้ำยาเคมีโฟมอีกครั้งเพื่อดับเปลวเพลิงใช้เวลานานกว่า 30 นาทีเปลวเพลิงจึงสงบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า หลังจากเมื่อคืนนี้ ได้ฉีดพ่นเคมีโฟมปิดหน้าคลุมชั้นบรรยากาศเอาไว้ แต่พอเวลาผ่านไปเคมีโฟมอาจจะเจือจางลงจึงทำให้เกิดเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมาอีก ต้องมีการฉีดพ่นเคมีโฟนคลุมปิดหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ

ต่อมา นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารอันตรายในพื้นที่จุดเกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียง จากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้

นายอรรถพล กล่าวว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ให้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง คพ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือในการตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และสารอันตรายในพื้นที่ที่เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัดและพื้นที่รอบนอก โดยในรัศมี 1 กม. แรกจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งสารเคมีที่ต้องระวัง คือ โซเว้นท์ ที่ติดไฟได้ง่าย และสารสไตรีนโมโนเมอร์ ใช้เป็นองค์ประกอบทำเม็ดพลาสติก เมื่อเกิดลุกไหม้ไฟจะปลดปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถติดตามและตรวจสอบคุณภาพอากาศที่ได้ http://air4thai.pcd.go.th/

“จากการตรวจคุณภาพอากาศในพื้นที่พบว่า กลับสู่สภาวะปกติ กำลังพิจารณาเรื่องลดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมายังที่อยู่อาศัยได้ และคพ. จะต้องเฝ้าติดตามด้านมลพิษอย่างต่อเนื่อง 3 วัน ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ หากมีกรณีฝนตกลงมา อาจจะชะสารเคมีลงใต้ดิน แหล่งน้ำ หรือท่อระบายน้ำ ซึ่งจะยากต่อการควบคุม ซึ่งอาจต้องเข้าไปบำบัดเพื่อแก้ปัญหาต่อไป” นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ คพ. ได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศในบริเวณใกล้เคียง โดยใช้หน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ติดตั้ง ณ บริเวณเขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งตรวจวัดมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด คือ 1. ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมโครอน (PM10) 2. ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมโครอน (PM2.5) 3.คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) 4.ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) 5. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)และ 6.โอโซน (O3)

)

โดยจุดติดตั้งรถโมบายเคลื่อนที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กม. ซึ่งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 5 ก.ค.เป็นต้น มาพบค่าสารมลพิษที่ตรวจวัดได้ ดังนี้ 1. PM10 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 10 – 24 µg/m3 2. PM2.5 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 5 – 16 µg/m3 3.CO ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 0.01 – 0.09 ppm 4. NO2 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 2 – 14 ppb 5. SO2 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 0 – 2 ppb และ 6. O3 ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงตรวจวัดได้ระหว่าง 3 – 11 ppb ส่วนผลค่าตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายรวม (Total VOCS) ด้วยเครื่องมือแบบเคลื่อนที่ (Portable) พบว่า 1. บริเวณในรั้วโรงงาน 0 เมตร มีค่า 7 ppm 2. บริเวณด้านหน้าโรงงานห่างออกมา 5 เมตร มีค่า 0.5 ppm และ 3. บริเวณห่างรั้วโรงงานออกไป 50 เมตร มีค่า 0.1 ppm

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติของกรมควบคุมมลพิษ 5 สถานี ได้แก่ 1. ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง 2. ต.บางโปรง อ.เมือง 3. ต.ตลาด อ.พระประแดง 4. ต.ปากน้ำ อ.เมือง และ 5.ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง ผลการตรวจวัด พบว่า​ คุณภาพ​อากาศในพื้นที่จ.สมุทรปราการ และกทม. พื้นที่ใกล้เคียง​ อยู่​ในเกณฑ์​ดีมาก​ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ​​อาจเป็นผลกระทบจาก​เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานสารเคมีที่เกิดขึ้น ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ สรุปได้ดังนี้ 1.PM2.5 เฉลี่ย 24 ชม. ตรวจวัดได้อยู่ในช่วง 6 – 22 µg/m3 2.PM10 เฉลี่ย 24 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 12 – 35 µg/m3 3.O3 เฉลี่ย 8 ชั่วโมง ตรวจวัดได้ในช่วง 7 – 18 ppb 4.CO เฉลี่ย 8 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 0 – 0.54 ppm 5. NO2 เฉลี่ย 1 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 8 – 11 ppb และ 6.SO2 เฉลี่ย 1 ชม. ตรวจวัดได้ในช่วง 1 – 4 ppb

โดยในช่วงวันที่ 6 ก.ค.จะดำเนินการติดตั้งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่เพิ่มเติมที่โรงเรียนกิ่งแก้ว พร้อมทั้งนำเครื่องตรวจวัดฝุ่นละออง PM2.5 แบบอัตโนมัติสำหรับตรวจวัดภายนอกอาคาร (Outdoor) ไปติดตั้งเพิ่มเติมตามชุมชนหรือหมู่บ้านที่มีความเสี่ยง 2 ถึง 3 จุด เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองและผลกระทบที่ชุมชนจะได้รับจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และแอปพลิเคชัน Air4Thai