เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 ก.ย. ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะแถลงข่าวภายหลังประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านประกอบด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเพื่อชาติ, พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย สรุปว่า หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ไต่สวน 8 ประเด็นแบ่งเป็นเรื่องโควิด-19 จำนวน 6 เรื่องการระบายสต๊อกยางพารา 1 เรื่อง และเรื่องดาวเทียม 1 เรื่อง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 8 ประเด็นข้างต้น เกี่ยวกับรัฐมนตรีทั้งหมด 4 คนประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งทุกคนเกี่ยวข้องกับการทุจริตและจงใจปล่อยปละละเลยทำให้เกิดความเสียหาย

นอกจากนี้ฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่อง ต่อกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน กมธ. เพื่อให้ตรวจสอบประเด็นจ่ายเงิน 5 ล้านบาทในรัฐสภา สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้พรรคฝ่ายค้านต้องรวบรวมข้อมูลก่อนนัดประชุมสรุปสำนวนวันที่ 29 ก.ย. จากนั้นนัดหมายพรรคร่วมฝ่ายค้านลงชื่อยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. รับดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

เมื่อถามประเด็นฝ่ายค้าน เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปรัฐมนตรีรายบุคคลแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า “เราคิดจะใช้สิทธิดังกล่าวเพื่ออภิปรายตามมาตรา 152 แต่ไม่ทราบว่ารัฐบาลอยู่ถึงตอนนั้นหรือไม่”

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ฝ่ายค้านทราบดีว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 รัฐบาลย่อมได้เสียงข้างมากจากสภาส่วนเรื่องการทุจริตหรือเอื้อประโยชน์กับบางคนนั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านต้องยื่นเรื่องต่อองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย เช่น การฟ้องศาลให้ติดคุกติดตะรางหรือเว้นวรรคทางการเมืองซึ่งกรณีนี้มีรัฐบาลหลายสมัยและรัฐมนตรีหลายคน แม้ในสภาฯจะรอดพ้นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่รอดพ้นจากกฎหมาย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่มีการแจกเงิน 5 ล้านบาทในสภา ที่จะยื่นต่อกมธ.ป.ป.ช.ว่า เหตุผลที่ยื่นให้ กมธ.ป.ป.ช. พิจารณาก่อนนั้นเพราะมองว่า กมธ.ชุดนี้มีอำนาจและหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงทั้งหมดในการเรียกบุคคลและเอกสาร รวมถึงพยานทั้งหมดเข้าตรวจสอบ เมื่อได้ข้อสรุปจะเป็นหน้าที่ของ กมธ.ป.ป.ช. ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป ส่วนเหตุผลที่ไม่ยื่นต่อ ป.ป.ช.โดยตรงนั้น เนื่องจากฝ่ายค้านต้องการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยใช้กลไกสภาที่สามารถเรียกคนและเอกสาร ทั้งประจักษ์พยานและหลักฐานเชิงประจักษ์เข้ามาพิจารณาประกอบหรือพูดง่ายๆ คือเอาหลักฐานให้แน่นที่สุด.