เรียกได้ว่ากำลังเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจ ที่สังคมไทยและทั่วโลกต่างพากันให้ความสนใจกันอยู่ในขณะนี้ สำหรับเหตุการณ์ยิงกันที่ห้างพารากอน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ก่อนที่สุดท้าย เจ้าหน้าที่จะรวบตัวคนร้ายได้แล้ว ซึ่งมือปืนเป็นเด็กชายอายุ 14 ปีเท่านั้น ท่ามกลางความหวาดกลัวของคนในสังคม เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของแต่ละคน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ออกให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส โดยมี หนุ่ม กรรชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ซึ่งตอนหนึ่ง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นเด็ก 14 ปี บุกราดยิงที่พารากอนว่า “ปืนดังกล่าวเป็นปืน “แบลงค์กัน (Blank Guns)” ซึ่งจะยิงเสียงดังเหมือนปืนจริง แต่ยิงพ่นกระสุนออกมาไม่ได้ แต่ก็สามารถดัดแปลงได้ง่าย ซึ่งผมมองว่าอันตราย แต่ทางกรมการปกครองพิจารณาว่า “ไม่ใช่อาวุธปืน” สุดท้ายก็ไหลเข้ามาเต็ม และเด็กก็มีช่องทางซื้อมากมาย ใช้เงินซื้อแค่ 4,000-8,000 บาท

โดยปืน แบลงค์กัน พอนำไปดัดแปลงก็จะสามารถใส่กระสุน .380 คือ 9 มม. ลูกสั้น และสามารถดัดแปลงเป็นปืนกลได้ด้วย แต่ก็ยังปล่อยให้เอาเข้าประเทศมาได้ยังไง และเรื่องกระสุนอย่างเคยบอก ปืนมีได้ นายทะเบียนกว่าที่จะอนุญาตให้ใครมีปืนมันยาก แต่ว่าเด็กไปซื้อแบลงค์กัน และเข้าสนามยิงปืน ส่วนสนามยิงปืนปล่อยกระสุนรอดมาได้อย่างไร เด็กซื้อกระสุนมา 50 นัด มาได้อย่างไร ซึ่งก็ต้องเช็กย้อนกลับไป และต้องปิดสนามยิงปืนนี้ และดำเนินคดีพนักงานขายว่าจำหน่ายกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต


เพราะกระสุนที่อยู่ในสนามยิงปืน ต้องยิงในสนามนั้น ไม่สามารถเอาออกมานอกสนามได้ ถ้านำออกมาแม้แต่นัดเดียว ก็ถือว่าเป็นการจำหน่ายกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกแล้ว ถ้าผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอเด็กสามารถให้การแล้ว ผมจะสอบถามว่าซื้อกระสุนมาจากสนามไหน จะไปดำเนินคดีสนามนี้เลย และเสนอกระทรวงมหาดไทยปิดสนาม แบบนี้จะทำให้สนามยิงปืนทั่วประเทศตื่นตัว”..