เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ในวาระพิจารณากระทู้ถามสด นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เรื่อง การทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า มีข้อสังเกตว่า การทำงานของคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 จะทำให้เสียเวลาและเสียงบประมาณ เนื่องจากที่ผ่านมามีผลการศึกษาและมีข้อสรุปร่วมกันว่าการทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องดำเนินการจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งประชาชน และเป็นเวลาที่ต้องเดินหน้าสู่การตั้งคำถามประชามติ และการตั้งคณะทำงานเท่ากับการยืมมือคนอื่นเพื่อย้อนหลักการของตนเอง พร้อมกับขอคำยืนยันว่าคณะทำงานจะรับจุดยืนของพรรคก้าวไกล ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตรา และให้มี ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน 100%

นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า การตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษานั้น เพื่อความรอบคอบ ไม่ให้มีปัญหา ทั้งนี้การดำเนินการนั้น รัฐบาลไม่สามารถมีมติให้ทำประชามติได้ เพราะต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนการศึกษาในประเด็นการตั้งคำถามประชามติ คือ กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลเห็นว่าต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจไม่ว่าวิธีใด เบื้องต้นยอมรับว่าจะพยายามทำในแนวทางของ ส.ส.ร. โดยนำความเห็นที่ศึกษาไว้ และพิจารณาความเห็นต่างด้วย ซึ่งในการทำงานของคณะกรรมการ ต้องรับฟังความเห็นประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จ และไม่ถูกตีตกไประหว่างทาง ขณะที่กรอบเวลาในการดำเนินการนั้นวางไว้ 4 ปี ซึ่งรวมถึงการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายใหม่

“ผมยอมรับว่าแม้การศึกษาแก้รัฐธรรมนูญจะมีหลายครั้งผ่านมา แต่มีรายละเอียดที่เห็นแย้งและแตกต่างกัน ดังนั้นในการทำงานต้องพยายามรับฟังความเห็นจากทุกพรรคการเมือง ตัวแทนกลุ่มประชาชน เครือข่ายสื่อมวลชน ผมเสียใจที่พรรคก้าวไกลไม่ร่วม ผมเคารพเหตุผล แต่จะไม่ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญสะดุด ซึ่งในอนาคตมีแผนว่าจะคุยกับพรรคก้าวไกลต่อไป” นายภูมิธรรม กล่าว

นายพริษฐ์ ได้ชี้แจงต่อประเด็นที่พรรคก้าวไกลไม่ร่วมคณะทำงานด้วย ว่า เพราะไม่ต้องการเป็นตรายาง แต่ยินดีให้ข้อเสนอแนะต่อคณะทำงาน อย่างไรก็ตามตนเข้าใจในหลักการการทำงานร่วมกัน แต่หากติดกระดุมเม็ดแรกผิด อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ ตนขอความชัดเจนด้วยว่า หากยืนยันว่าจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ทั้งที่มีประชาชนหรือบุคคลต้องการเสนอแก้ไขข้อความไม่กระทบต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและรูปแบบของรัฐจะอธิบายอย่างไร และขอคำยืนยันว่าการยกร่างใหม่ทั้งหมด จะไม่ใช่การแก้ไขรายมาตรา ขณะที่การแก้ไข เช่น ระบบรัฐสภา สภาคู่ สภาเดี่ยว การปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่ล็อกวิธีการไว้

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเสนอที่ให้ ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน  ถือเป็นการเปิดให้ตัวแทนของทุกชุดความคิดมีส่วนร่วม ส่วนที่กังวลว่าจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญร่วม ตนมีข้อเสนอคือ ส.ส.ร. สามารถตั้งผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำ หรือยกร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่เมื่อดำเนินการแล้วต้องผ่านเห็นชอบจาก ส.ส.ร.

นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า การตั้งคณะทำงานที่ดึงทุกภาคส่วน ตัวแทนวิชาชีพ ตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วม เพื่อฟังความเห็นให้รอบด้าน คือ การติดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง ซึ่งการทำงานได้วางกรอบไว้ 3 เดือน

“กรรมการชุดนี้ ผมรับรองด้วยเกียรติว่าจะไม่เป็นตรายาง และขอให้ท่านให้เกียรติคนที่เข้ามาทำงานในคณะทำงานด้วย เพราะเป็นคนที่มีชื่อเสียง อดีตกรรมการการเลือกตั้ง คณบดี นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนวิชาชีพ ส่วนที่บอกให้รับรองและยืนยันกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอเท่านั้น ผมมองว่าไม่ควรเป็น เพราะการทำรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ต้องไม่อยู่ภายใต้ 2 ประเด็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น ซึ่งการคุยเพื่อทำความเข้าใจเป็นทางที่ดี เพื่อแก้ปัญหาประเทศ ไม่สร้างขัดแย้งใหม่ เพราะหากมีพรรคอื่นต้องการให้ยึดข้อเสนอด้วย จะเกิดความขัดแย้งได้ ดังนั้นหากจุดร่วมและผลักดันเป็นทางที่ดี เป็นกระดุมเม็ดแรก และต้องจบ โดยรัฐธรรมนูญต้องผ่าน จะไม่เสนอเพื่อให้ตกไป” นายภูมิธรรม กล่าว.