ทำให้หลายฝ่ายต้องรับกลับมาทบทวนมาตรการต่างๆ ตั้งแต่ อาทิ การทบทวน และการยกระดับของ กฎหมายการครอบครองอาวุธปืน โดยเฉพาะปืนที่นักเรียนมักจะนำมาก่อเหตุ จะเป็นปืน “แบลงค์กัน” (blank gun) ที่ไม่มีกฎหมายไปบังคับการนำเข้าผ่านทางกรมศุลกากร ผู้ขายขออนุญาตขาย คนซื้อไม่ต้องมีใบอนุญาต ทำให้ผู้ซื้อนำไปดัดแปลงก่อเหตุ มานับครั้งไม่ถ้วน ตลอดจนเปิดขายผ่านทางเว็บไซต์ จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ขายตามท้องตลาดได้ง่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์
ล่าสุด “มท.1” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประชุม “ฝ่ายปกครอง-ตำรวจ” เร่งพิจารณาทบทวน แนวทางจำกัดการออก ใบอนุญาตพกปืนแก่บุคคลทั่วไป กำหนดมาตรการควบคุมการครอบครอง การพกพา และการใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน และเตรียมรื้อกฎหมาย ข้อระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัยและคุมเข้มสนามยิงปืน-ซ้อมปืน
ส่วนเรื่อง ระบบเตือนภัย มีการเสนอมาถึง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. ที่ไม่ควรทำแต่ทาง SMS อย่างเดียว แต่เป็นระบบเตือนภัยทั้งหมด แบบ Cell Broadcast ที่จะเป็นการส่งข้อความเข้ามือถือทุกเครื่องในพื้นที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือส่งผลกระทบต่อ การท่องเที่ยว เพราะผู้เสียชีวิต มีนักท่องเที่ยวจีน ในขณะที่ประเทศไทยเพิ่งจะเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว 2 ประเทศ คือ “จีน-คาซัคสถาน” ระหว่างวันที่ 25 ก.ย.-29 ก.พ. 67 โดย “นายกฯ นิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้แสดงความห่วงใยไปยังครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวจีนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ผ่านกับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งทางสถานทูตจีนขอให้ไทยมีมาตรการที่ชัดเจน เพื่อทางสถานทูตจะช่วยสื่อสารข่าวสารให้ประชาชนชาวจีน เข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ให้กระทบการท่องเที่ยว และทางรัฐบาลไทยจะดำเนินการมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน

ซึ่ง “นายกฯ นิด” ในฐานะผู้นำประเทศ คงต้องกุมขมับปวดหัว เพราะเรื่องการท่องเที่ยว เป็น 1 ใน 5 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11-12 ก.ย. ที่ผ่านมา คือการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ อีกทั้งภายหลังจากที่ “นายกฯ ป้ายแดง” ของไทยแลนด์ โกอินเตอร์เปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อนานาชาติ ที่สหรัฐ เมื่อวันที่ 18-23 ก.ย. 66 เดินสายเวทียักษ์ระดับโลก และจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ต่อประเทศไทย แบกความคาดหวังภาคธุรกิจ สร้างความมั่นใจและแรงดึงดูดให้ “เจ้าสัว-นักลงทุน-นักท่องเที่ยว” จากต่างประเทศ ให้ขนเงินมาลงทุนในประเทศไทย
ล่าสุด “นายกฯ นิด” ก็ประกาศตัวเป็น “เซลส์แมน” เบอร์หนึ่งของประเทศ หาเงินเข้าประเทศ พา “นักธุรกิจ-ตลาดหลักทรัพย์” ร่วมเป็น “ทีมไทยแลนด์” ในการติดต่อเจรจาความร่วมมือการค้า เดินสายโรดโชว์เปิดตลาดสินค้าไทย ทั้ง “ยุโรป-อเมริกา-ทั่วทุกภูมิภาค” เพื่อนำเสนอต่อนักลงทุน เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เดินสายเรียกความมั่นใจ เรียกเม็ดเงินเข้าประเทศ ให้สมกับสโลแกน “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยเป็นเศรษฐี”