เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2566 โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทาง การจัดสรรงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ให้สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี (สอน.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปีงบประมาณ 2567 ตามข้อเสนอเสนอจากคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการบริหารจัดการงบกองทุนบัตรทอง ตามนโยบายการกระจายอำนาจด้านสาธารณสุข
นพ.อภิชาติ กล่าวต่อว่า โดยหลักการแนวทางและรูปแบบการจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับ สอน. และ รพ.สต. ในปี 2567 ยังคงยึดหลักการว่า สอน. และ รพ.สต. ยังคงสถานะเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิที่เป็นเครือข่ายหน่วยบริการในระบบบัตรทอง โดยอาจเป็นเครือข่ายกับหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น รพ.ชุมชน รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป หรือเป็นเครือข่ายกับหน่วยบริการนอกกระทรวงสาธารณสุข/หน่วยบริการเอกชนก็ได้ โดยทางเลือกในการจัดสรรงบฯ จะมี 3 รูปแบบ ที่ไม่จำเป็นต้องเลือกเหมือนกันทุกแห่ง คือ 1.จัดสรรงบผ่านหน่วยบริการประจำ 2. โอนงบประมาณตรงให้ รพ.สต. ภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกับหน่วยบริการประจำ และ 3. ทางเลือกอื่นๆ (ถ้ามี) ส่วนการจัดบริการในระดับพื้นที่ ยังคงเป็นเครือข่ายหน่วยบริการที่เชื่อมต่อกัน ทั้งหน่วยบริการปฐมภูมิ หน่วยบริการประจำ หน่วยบริการรับ-ส่งต่อ
นอกจากนี้ หน่วยบริการประจำยังคงสนับสนุนยา เวชภัณฑ์ การจัดบริการโดยทีมสหวิชาชีพและทรัพยากรที่จำเป็นในการจัดบริการให้กับหน่วยบริการปฐมภูมิที่ถ่ายโอนไปแล้วตามความเหมาะสมและตามรูปแบบข้อตกลง โดยค่าบริการสาธารณสุขตามผลงานบริการ จ่ายให้กับหน่วยที่เป็นผู้จัดบริการโดยตรง ส่วนบริการใดที่เป็นค่าดำเนินการร่วมกันระหว่าง รพ.แม่ข่าย กับ สอน./รพ.สต. ให้มีการกำหนดสัดส่วนการจ่ายให้ชัดเจน มีการประเมินศักยภาพการจัดบริการของ สอน./รพ.สต. กรณีการส่งต่อผู้ป่วยนอก ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ สปสช. กำหนด.