เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุยิงจรวดหลายสิบลูกจากฉนวนกาซาไปยังประเทศอิสราเอล เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ต.ค.) ว่า ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงานว่าวันนี้ เวลาประมาณ 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตามหลังไทย 4 ชม.) ได้เกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยจรวดเข้ามายังอิสราเอลเป็นวงกว้าง กระจายตั้งแต่รอบฉนวนกาซา บริเวณตอนกลางประเทศ รวมถึงกรุงเทลอาวีฟ เมืองข้างเคียง และนครเยรูซาเลม ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งเตือนคนไทยในอิสราเอลและเผยแพร่วิดีโอแนวปฏิบัติตัวเมื่อได้ยิงสัญญาณเตือนภัยแล้ว  อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี รวมถึงรองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ได้สั่งการสถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ดูแลคนไทยและติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

นางกาญจนา กล่าวอีกว่า ทางการอิสราเอลได้ประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน 80 กิโลเมตร รอบฉนวนกาซา ซึ่งรวมถึงกรุงเทลอาวีฟ เปิดหลุมหลบภัยสาธารณะในเมืองต่างๆ พร้อมเรียกทหารกองหนุนเพิ่มเติม อีกทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวอิสราเอลได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวแล้ว สำหรับผลกระทบต่อคนไทยในอิสราเอลนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งว่ามีคนไทย 1 ราย ที่ทำงานในโมชาฟ มิชตาคิม ถูกคนร้ายบุกเข้ามายิงทำให้ได้รับบาดเจ็บเพราะถูกยิงที่ขา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดต่อพูดคุยกับคนไทยรายนี้แล้ว โดยพบว่ายังมีกำลังใจดี และได้ติดต่อให้แพทย์ให้คำปรึกษาออนไลน์ ส่วนคนไทยที่พำนักอยู่บริเวณฉนวนกาซามีประมาณ 5,000 คน ขณะที่สถานการณ์ยังมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และกระทรวงการต่างประเทศยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจะรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ติดต่อได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ หมายเลขโทรศัพท์ (+972) 546368150 และกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2575-1047-51

ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอลผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Royal Thai Embassy, Tel Aviv (ทุกเรื่องเมืองยิว)” ว่า ตามที่ได้เกิดเหตุจรวดโจมตีจากฉนวนกาซาไปยังหลายพื้นที่ในอิสราเอล และมีผู้ก่อการร้ายแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่ของอิสราเอล ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ (7 ต.ค. 2566) นั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเตือนให้คนไทยเข้าห้องหลบภัยทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรน (หากไม่ทัน ให้หมอบราบลงกับพื้น ไม่ถ่ายรูป ไม่วิ่งไปที่โล่ง) และปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด รวมถึงขอให้ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยในเขตภาคใต้ใกล้เคียงฉนวนกาซาและภาคกลางซึ่งรวมถึงกรุงเทลอาวีฟ ไม่ออกจากที่พักอาศัย