เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2566 ห้องอเนกประสงค์ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครนายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี  เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ร่วมเวที เสวนา “ผู้หญิงฅนทำการผลิตที่บ้าน” โดยมีน.ส. จิตติมา ศรีสุขนาม เจ้าหน้าที่บริหารโครงการอาวุโสประจำประเทศไทย และสปป. ลาว องค์การแรงงานระหว่างประเทศ   นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย  น.ส.นุชนภา บำรุงนานายกสมาคมเครือข่ายแรงงานนอกระบบ(ประเทศไทย) 

นายศุภชัย  กล่าวตอนหนึ่งในเวทีเสวนา  ระบุว่า ผู้หญิงฅนทำการผลิตที่บ้านพรรคการเมืองต่างๆ บอกว่าประชาชนต้องมาก่อน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 3.7 ล้านคน แต่ไม่มีใครออกมาข้างหน้า พรรคภูมิใจไทย เสนอ กฎหมาย Work From Home ตนเป็นคนเสนอกฎหมายฉบับนี้ พรรคภูมิใจไทยคิดเรื่องนี้ก่อนโควิด-19 ซึ่งพรรคเรายังไม่ได้ดูแลกระทรวงแรงงาน แต่คราวนี้พรรคภูมิใจไทยดูแล 

นายศุภชัย กล่าวว่า  ซึ่งในการสัมมนา สส.พรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา  เราคุยกันว่าต้องมีการทำงานรูปแบบใหม่ ไม่ใช่บอกพรรคมีนโยบายอะไรแล้วก็ทำ แต่สส. ต้องไปพบประชาชน ถามความประสงค์ความต้องการของประชาชนว่าจะให้พรรคภูมิใจไทยทำอะไร ดูแลเรื่องอะไรให้ไปรับฟังมา สส.เราจะลงพื้นที่ไปพบประชาชนว่าท่านต้องการเรื่องอะไร แล้วรับเรื่องเข้าไปเสนอพรรค  

ในการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้พรรคภูมิใจไทย ดูแล กระทรวงมหาดไทย  กระทรวงแรงงาน  กระทวงศึกษาธิการ และ กระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชน ตรงกับที่ อาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ เคยบอกว่า ตั้งแต่ครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน ดังนั้นพรรคภูมิใจไทย จึงต้องดูแลประชาชนตลอดชีวิต วันนี้เราพบว่านโยบายประชานิยมอาจไม่สนองความต้องการ เวลาประชาชนคาดหวังว่าภาระที่รับผิดชอบอยู่ควรจะเบสลง เราจึงต้องการ “ลดภาระประชาชน” ในทุกเรื่อง

นายศุภชัย กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยน วันนี้เราอยู่ในยุค “Skill  นำ Degree” อดีตที่ผ่านมา ใครจะเรียน ปวส.ใช้เวลา 5 ปี ทั้งที่ช่างเชื่อมเรียน แค่ 1 ปี สามารถออกมาประกอบอาชีพได้แล้ว รายได้วันละพันกว่าบาทแล้ว ทำไมต้องไปเสียเวลา เสียงบประมาณ ถึง 5 ปี เพื่อไปเอาดีกรี วันนี้เราให้คุณค่ากับ “ปริญญา” หรือ “สกิล” มากกว่ากัน เรื่องการสอบเทียบจะเอากลับมาหรือไม่ งานวิจัย จะอยู่แต่ในหิ้งหรือในห้าง เราต้องนำมาใช้เพิ่มมูลค่า

“วันนี้ผมเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล จะประสานหน่วยงานและฝ่ายนิติบัญญัติ โดยนำเสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภา  ท่านอยากจะให้แก้ไขกฎหมายอะไรก็เสนอมากับผม ถ้าจำเป็นต้องแก้ไข เราจะเสนอให้  การนำงานกลับไปทำงานที่บ้าน หากมีอะไรก็ต้องวางมาตรการควบคุม โดยเป็นธรรมทุกฝ่าย เช่นเรื่องทำงานที่บ้านเกิดตกกระได หรือค่าใช้จ่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ใครจะรับผิดชอบ เรื่องความปลอดภัย ดังนั้นจะต้องมากำหนดมาตรการร่วมกัน อาศัยกลไกของกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้ความสำคัญและเห็นด้วยกับเรื่องนี้ดังนั้นเรามาทำงานร่วมกัน เราจะลดภาระให้กับท่านแบบนี้ดีหรือไม่” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า  ตนขอรับข้อเสนอ ฅนทำการผลิตที่บ้าน  ไปดำเนินการร่วมกัน คือผู้ทำการผลิตที่บ้านในประเทศไทยมีถึง 3.6 ล้านคน หรือร้อยละ 9.6 ของแรงงานที่มีงานทำ และเป็นแรงงานหญิงกว่าสองล้านคน หรือร้อยละ56 ของผู้ที่ทำการผลิตที่บ้านทั้งหมด หลักประกันทางสังคมจากการทำงาน สตรีผู้ทำการผลิตเหล่านี้ส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงสิทธิ สวัสดิการ และหลักประกันทางสังคมจากการทำงาน เช่น ได้ค่าแรงต่ำ ต้องทำงานหนัก มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมงเข้าไม่ถึงการประกันสังคม และอาชีวอนามัย และความปลอดภัยในการทำงาน ในขณะที่พวกเขาเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคม รวมทั้งมีส่วนสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ 

นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย เห็นความสำคัญของสตรีผู้ทำการผลิตที่บ้านในประเทศไทย โดยจะพัฒนาคุณภาพชีวิตมองอย่างรอบด้านคือ ดูแลเรื่องสิทธิในการเข้าถึงระบบประกันสังคม ความปลอดภัยในการทำงาน กำกับดูแล ให้มีการปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อวางมาตรการควบคุม กำกับ ดูแล และคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน ดูแลเงินอุดหนุนเด็กเล็ก และศุณภาพของศูนย์เลี้ยงเด็กให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพยิ่งขึ้น  การเชื่อมตลาดในระดับท้องถิ่นจากกลุ่มสตรีที่ทำการผลิต ให้มีศักยภาพในการผลิตสินค้า และบริการเชื่อมกับภาคการท่องเที่ยว และยกระดับสู่เวทีเศรษฐกิจโลก.