เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย (มท.1) เปิดเผยว่า วานนี้ (8 ต.ค.) ได้ลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ติดตามสถานการณ์น้ำ กับนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีหลายกรม เนื่องจากได้รับรายงานว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม จะเร่งให้มีการวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ด้วย ซึ่งตนได้สั่งการที่ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้รายงานเรื่องพื้นที่เรือกสวนไร่นาต่างๆ ว่า ในพื้นที่ไหนสามารถเก็บกักน้ำได้ ก็จะไปประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อที่จะได้จัดทำทางน้ำ ให้นำน้ำไปกักเก็บในพื้นที่เพื่อที่จะมาใช้ในช่วงหน้าแล้ง

นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สั่งการเฝ้าระวังริมแม่น้ำ 10 จังหวัดนั้น กรมการปกครอง (ปค.) และ ปภ. มีภารกิจที่รับรายงานจากระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มีอำนาจในการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย มีอำนาจในการบูรณาการทุกภาคส่วน หากมีสิ่งใดที่เหนืออำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ก็จะประสานมายัง ปภ. และขณะนี้ก็มีการสแตนด์บายเครื่องไม้เครื่องมืออยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยและพื้นที่เสี่ยงทั้งหมดแล้ว

นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีแผนลงไปในพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในจังหวัดใดเป็นพิเศษ แต่จะใช้วิธีการสนับสนุนสั่งการและสั่งงาน เพราะได้มีมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบตามสายงานอยู่แล้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อยู่ใกล้ชิดประชาชนอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าถ้าน้ำหลากเข้ามาก็ห่วงทุกที่ ส่วนใหญ่มาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามาก หากที่เดิมมีน้ำอยู่แล้ว ก็จะเพิ่มระดับให้สูงขึ้น แต่ขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามประคองสถานการณ์ และทำงานเป็นทีม ต้องมีการเชื่อมโยงเครือข่ายประสานระหว่างจังหวัด ให้ทราบว่าการปล่อยน้ำจะต้องจำนวนเท่าใด ควรจะปล่อยหรือไม่ 

“วานนี้ได้หารือกับปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังคงยืนยันว่าโครงการแก้มลิงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังคงเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ และขณะนี้กำลังไปหาพื้นที่ ในลักษณะแก้มลิง เพื่อเอาไว้เก็บกักน้ำ เพราะเป็นน้ำส่วนเกินหากปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่มีการบริหารจัดการก็จะหายไป หากถึงช่วงหน้าแล้งน้ำก็จะขาด จึงต้องร่วมมือกัน” นายอนุทิน กล่าว.