เมื่อวันที่ 15 ต.ค. น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และประจำสำนักเลขานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ออกมาชี้แจงยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทให้ประชาชนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นจะไม่มีการระงับหรือยุติโดยเด็ดขาด มีแต่จะเดินหน้าต่อไปเพื่อทำให้โครงการนี้ประสบผลสำเร็จ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายรัฐบาลและแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนโยบายพรรค พท. ที่ได้หาเสียงไว้ในการเลือกตั้ง รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ จะมีความชัดเจนภายในเดือนต.ค.นี้ ขอให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเงินดิจิทัลได้สรุปแนวทางและเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อพิจารณาให้รอบคอบเกิดความรอบคอบและเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด

น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า หลักการของโครงการจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะปรับเปลี่ยนบ้างในรายละเอียด เงื่อนไขบางเรื่อง ซึ่งนายเศรษฐาและนายจุลพันธ์ ได้พูดชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็น รวมทั้งจะนำข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์มาพิจารณา ซึ่งจะเกิดประโชน์ต่อส่วนรวมดังที่ทุกฝ่ายต้องการ ส่วนที่มาของเงิน 5.6 แสนล้านบาทจะนำมาจากไหนนั้นเชื่อว่าคณะกรรมการที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้จะมีความชัดเจนออกมาอย่างแน่นอน ขอให้ทุกฝ่ายอย่ากังวล เพราพรรค พท. ในฐานะเจ้าของนโยบายยืนยันว่าจะยึดมั่นวินัยทางการเงินและการคลังอย่างรัดกุมและที่ผ่านมาในการดำเนินนโยบายต่างๆ ของพรรคตั้งแต่พรรคไทยรักไทย (ทรท.) มาจนถึงพรรค พท. ยึดมั่นเรื่องวินัยการเงินการคลังมาโดยตลอด 

น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า พรรค พท. ไม่ได้ดื้อดึงหรือดันทุรังอย่างปราศจากเหตุผล แต่ตรงกันข้ามพรรคได้ศึกษานโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท โดยผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่ริเริ่มกระทั่งได้ข้อสรุปว่าสามารถปฏิบัติได้จริง โดยไม่เป็นภาระทางงบประมาณแล้วจึงมีการนำเสนอนโยบายต่อพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้ง เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นายกฯซึ่งดำรงตำแหน่งรมว.คลัง และนายจุลพันธ์ ซึ่งเป็นรมช.คลัง รับดูแลรับผิดชอบด้านการเงินการคลังของประเทศ เมื่อรับฟังข้อมูลและเสียงสะท้อนอย่างครบถ้วนรอบด้านแล้วเชื่อว่าจะวางแนวทางกาดำเนินนโยบายได้อย่างรัดกุมแน่นอน อีกทั้งการได้อดีตปลัดกระทรวงการคลังคนล่าสุด คือนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ มาเป็นรมช.คลังทำให้มั่นใจเพิ่มมากขึ้นว่าโครงการนี้จะมีประสิทธิภาพและเกิดผลตามนโยบายที่สร้างประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน 

“โครงการเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทเปรียบเหมือนการปั้มหัวใจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจะเกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจและมีเรี่ยวแรงขยับขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ ประชาชนมีกำลังใช้จ่าย ร้านค้าร้านขายมีสภาพคล่อง ได้เงินเข้ามาหมุนเวียน ประชาชนสามารถสร้างอาชีพได้อย่างมั่นคง เศรษฐกิจฟุบมาหลายปี คนเดือดร้อนกันทั่ว ซึ่งก็เห็นๆ กันอยู่ ขอให้พี่น้องประชาชนอย่ากังวลใจ พรรค พท. โดยรัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน จะทำตามที่หาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชน สร้างประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนทุกคน และสร้างเศรษฐกิจประเทศให้กลับมากินดีอยู่ดีกันอีกครั้ง” น.ส.ตรีชฎา กล่าว.