เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรี-ลา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยทางเคมีและภัยคุกคามอุบัติใหม่ (Global Congress on Chemical Security and Emerging Threats) ครั้งที่ 4 ร่วมกับ Mr.Greg Hinds รักษาการ ผอ.อาชญากรรมองค์กรและอาชญากรรมรูปแบบใหม่ INTERPOL และ Mrs.Catherine Colthart รักษาการ ผอ.ต่อต้านการก่อการร้าย INTERPOL ซึ่งในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ INTERPOL โดยการประชุมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค.66 ภายใต้หัวข้อ “ปฏิบัติการความปลอดภัยทางเคมี” โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงและอุปสรรคในการดำเนินการ รวมถึงยุทธศาสตร์การบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งจัดการประชุมในรูปแบบการอภิปรายแบบเปิดและแลกเปลี่ยนกรณีศึกษาที่เกิดขึ้น ผ่านการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรจากภาคส่วนต่างๆ เช่น อุตสาหกรรม หน่วยงานกำกับดูแล สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และกองทัพ เป็นต้น โดยมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมการประชุม กว่า 300 คน จาก 84 ประเทศสมาชิก ซึ่งมากที่สุดจากทุกครั้งที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า สำหรับการประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยทางเคมีและภัยคุกคามอุบัติใหม่ เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี 2561 โดยองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ร่วมกับ หน่วยงานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และความมั่นคงปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศสหรัฐอเมริกา (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency: CISA) สำนักงานควบคุมและลดภัยคุกคามด้านกลาโหม สหรัฐอเมริกา (Defense Threat Reduction Agency: DTRA) และสำนักงานสอบสวนกลาง สหรัฐอเมริกา (Federal Bureau of Investigation: FBI) และพันธมิตร G7 ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการต่อต้านการแพร่กระจายของอาวุธและวัสดุที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ซึ่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ รวมไปถึงประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วโลก จึงได้จัดให้มีการประชุมร่วมเจรจาระหว่างหลายภาคส่วน ในการทำความเข้าใจต่อภัยคุกคามที่กำลังพัฒนาและเกิดอุบัติขึ้นใหม่ในปัจจุบัน และสร้างเครือข่ายและพันธมิตรนานาชาติ เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายในการระบุแนวทางแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพในการตรวจจับ ยับยั้งและขัดขวางการใช้สารเคมีและวัตถุระเบิดโดยผิดกฎหมายทั่วโลก และสร้างกรอบแนวทางปฏิบัติด้านความมั่นคงทางเคมีที่ก้าวข้ามพรมแดน ซึ่งการประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยทางเคมีและภัยคุกคามอุบัติใหม่ ถือเป็นโอกาสให้องค์กรตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางเคมีกว่า 1,500 คนจากทั่วโลก

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยในฐานะสมาชิกองค์การสหประชาชาติและสมาชิกองค์การตำรวจสากล มีพันธกรณีตามข้อตกลงร่วมระหว่างประเทศ ในอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมีและอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธชีวภาพและสารพิษ โดยได้ปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างเคร่งครัดมาตลอด นอกจากนี้รัฐบาลได้กำหนดแนวทางการแก้ไขไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ ยุทธศาสตร์การต่อต้านการก่อการร้าย ยุทธศาสตร์ข่าวกรองแห่งชาติ และยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ เพื่อให้ประเทศไทยมีกลไกเฉพาะเจาะจงที่มีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาและรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่ได้ทุกมิติ สำหรับประเด็นเรื่องความปลอดภัยทางเคมีและภัยคุกคามอุบัติใหม่นี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทย ได้ดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังสม่ำเสมอ โดยในปัจจุบันพบว่าอาชญากรหรือกลุ่มคนผู้ไม่หวังดี รวมถึงกลุ่มผู้ก่อการร้าย ต่างพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพของตนเพื่อหลบหนีการตรวจสอบและหลีกเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย มีการใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการประกอบอาชญากรรม อาทิเช่น เครื่องพิมพ์สามมิติในการผลิตอาวุธ การใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยจัดการเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม เป็นต้น.