นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สคบ.ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าออนไลน์มาเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยแล้วมากถึงเดือนละ 200 เรื่อง โดยกว่าครึ่งเป็นเรื่องของการซื้อขายสินค้าไม่ตรงปก คือ สั่งซื้อสินค้ามาแล้วไม่ตรงกับที่ได้โฆษณาไว้ หรือเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ และที่หนักไปกว่านั้น คือ สั่งสินค้าและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วแต่ไม่มีสินค้าส่งมาให้ ซึ่งเข้าข่ายการฉ้อโกง โดยทุกกรณีที่เข้ามาร้องเรียน สคบ.จะทำการตรวจสอบไปยังผู้ขาย หากติดต่อไม่ได้จะทำหนังสือไปขอข้อมูลจากธนาคารเพื่อตรวจบัญชีที่ได้รับโอนเงินจากผู้บริโภคทันที หากพบว่า ผู้ขายทำแบบนี้กับผู้บริโภคหลายราย สคบ.จะส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีด้วย

ทั้งนี้​ สคบ. ขอแจ้งเตือนผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบที่มาของผู้ขายให้แน่ใจก่อน โดยเฉพาะการซื้อของผ่านเพจต่าง ๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่มักมีผู้มาร้องเรียน คือ ผู้ขายรายเล็ก ๆ มักขายสินค้าให้ครั้งเดียวกับคนหมู่มากเมื่อขายได้ก็ปิดเพจหนีแล้วไปเปิดเพจใหม่ ทำให้การตามจับทำได้ยากขึ้น  และผู้ขายออนไลน์กลุ่มนี้ยังอยู่นอกเหนือกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง ที่​ สคบ.กำหนดให้ผู้ขายที่มียอดขายเกินปีละ 1.8 ล้านบาทต้องมาจดทะเบียนทำธุรกิจก่อน หากเป็นไปได้ขอแนะนำให้ซื้อสินค้าในแพลตฟอร์มที่ถูกต้อง หรือเป็นผู้ที่จดทะเบียนกับ​ สคบ. ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อได้

ด้าน​ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ สคบ. ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดพร้อมกับหาทางป้องกัน และคอยตรวจสอบ โดยเฉพาะการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ สินค้าไม่ตรงปก เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาในลักษณะนี้อยู่บ่อย ๆ ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลได้ประกาศชัดให้เป็นวาระสำคัญที่จะต้องเร่งดูแลโดยด่วน ไม่ใช่แค่รอให้ผู้บริโภคมาร้องเรียนอย่างเดียว