เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 ต.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา (RRC) เพื่อติดตามความคืบหน้าในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายณัฐพล ขันธหิรัญ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์ว่า ตนขอสรุปรายงานถึงแผนการอพยพคนไทยและแรงงานไทยกลับประเทศไทย ซึ่งขณะนี้การสู้รบยังคงดำเนินอยู่ในจุดฉนวนกาซาอย่างรุนแรง และการสู้รบได้เพิ่มขึ้น และขยายแนวออกไปตามชายแดนที่ติดกับเลบานอน โดยตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา มีคนไทยได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย
นายณัฐพล กล่าวต่อว่า ในส่วนผลกระทบของคนไทย มีผู้เสียชีวิต 30 ราย ส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับมาประเทศไทยแล้ว 8 ราย เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 18 ราย และผู้ถูกจับกุม 19 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้รับแจ้งจากนายจ้าง ซึ่งเป็นบางส่วนที่ได้รับรายงานยืนยันจากอิสราเอล ขณะที่จำนวนคนไทยที่แสดงความประสงค์จะกลับประเทศไทยทั้งหมด 8,478 ราย ในจำนวนนี้ทางการไทย ได้ดำเนินการส่งกลับแล้วจำนวน 3,100 ราย จาก 17 เที่ยวบิน คงเหลือคนไทยอีกประมาณ 5,300 คน ที่รอการอพยพ ซึ่งจากวันนี้จนถึงสิ้นเดือน ต.ค. จะมีขีดความสามารถในการอพยพได้ถึง 7,000 คน เพราะมีทั้งเครื่องบินของกองทัพอากาศและเครื่องบินพาณิชย์
นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ขอสรุปปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลให้คนไทยตัดสินใจที่จะไม่อพยพ และเดินทางกลับช้าลง โดยสาเหตุหลักคือรอนายจ้างอิสราเอล เพราะจะมีการจ่ายค่าแรงเพิ่มมากขึ้น จึงยังไม่เดินทางกลับประเทศไทย เป็นต้น.