เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการรับมอบหน้ากากฟอกอากาศ และกระเป๋าฆ่าเชื้อ UVC LED จากบริษัทธัญญบุรีฮอนด้าคาร์ จำกัด ว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้ได้รับมอบหน้ากาก และกระเป๋าฆ่าเชื้อซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเป็นหน้ากากทั่วไป โดยเฉพาะวันนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการเปิดศูนย์ EOC รองรับสถานการณ์ ที่มี นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้อำนวยการ ทำหน้าที่ 1. ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เฝ้าระวังเรื่องสิ่งแวดล้อม
2. การเฝ้าระวังผลกระทบทางด้านสุขภาพ ซึ่งผลกระทบที่เกิดกับประชาชนจะมีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยผลกระทบระยะยาวนั้นมีข้อมูลออกมาเรื่อยๆ ว่า ฝุ่น PM 2.5 ก่อกระตุ้นเกิดโรคหลายโรค ที่พูดกันเยอะคือ มะเร็ง และหลอดเลือดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น ส่วนระยะสั้น คนกลุ่มเสี่ยงทั้งผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หากช่วงที่มีปัญหาฝุ่น ก็ควรงดออกจากบ้าน รวมถึงจัดอุปกรณ์ ยารักษาหอบหืด หากพื้นที่ที่มีกลุ่มเสี่ยงมากจะต้องมีคลีนรูมที่มีเครื่องฟอกอากาศ นี่คือสิ่งที่เราเตรียมการ รวมถึงการเฝ้าระวังอาการเฉียบพลัน เช่น การระคายเคืองตา ระคายเคืองผิวหนัง ระคายเคืองจมูก ซึ่งปีที่แล้วพบเยอะ แต่ไม่ได้มาโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม เรามีความพร้อมในการรับมือ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่มีปัญหาเยอะก็จะมีความพร้อมมาก
“คาดการณ์ว่าจุดหนักน่าจะเป็นภาคเหนือตอนบน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกจังหวัดจะได้รับผลกระทบหมด อย่างกรุงเทพฯ บางวันก็ได้รับผลกระทบ แต่ช่วงนี้มีฝนตกทำให้ปัญหาเบาบางลง เท่าที่ติดตามก็ไม่มีปัญหาอะไร หากตามสถานการณ์เดิม ช่วงที่จะมีปัญหาคือช่วงปลายปี ถึงกลางเดือน มี.ค. และจากการติดตามสภาพอากาศปีหน้าคาดว่าจะแล้ง และร้อน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ โดยเฉพาะไฟป่าเกิดง่ายขึ้น จึงคาดว่าปัญหาน่าจะหนักหน่วงพอสมควร” นพ.โอภาส กล่าว และว่า ส่วนภาคใต้ ช่วงนี้มีฝนตก ส่วนที่เคยมีปัญหาฝุ่นจากการเผาไหม้จากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ก็ลดลง
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ดังนั้น ต้องกระตุ้นเตือนไม่ให้เกิดฝุ่น เพราะ สธ.เป็นหน่วยงานปลายทางแล้ว ดังนั้นต้องป้องกันตั้งแต่ต้นตอของการเกิดฝุ่น อย่างเช่นการหันมาใช้พลังงานทดแทน โดยกระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าติดโซลาร์เซลล์ ซึ่งทำไปได้จำนวนมาก สามารถประหยัดพลังงานได้เยอะ และล่าสุดมีนโยบายเปลี่ยนรถพยาบาลทั้งหมดให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้า โดยจะทยอยเปลี่ยนคันที่อายุเกินการใช้งานก่อน ทั้งนี้ได้มีการเชิญบริษัทรถยนต์ค่ายต่างๆ มาพูดคุยเรื่องสเปกรถที่ต้องการ ซึ่งตรงนี้จะช่วยลดปัญหาการเกิดฝุ่นได้.