เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษาร มว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการทำงานครบรอบ 2 ปี หลังจากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินหน้านโยบายช่วยเกษตรกรในโครงการประกันรายได้เกษตรกร พบว่ามีเกษตรกรที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการประกันสินค้าทั้ง 5 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน รวม 7.87 ล้านครัวเรือน วงเงินประกันรายได้ รวม 75,166.70 ล้านบาท มีการโอนเงินชดเชยให้เกษตรกรแล้ว 6.964 ล้านครัวเรือน รวมเป็นเงิน 60,041.95 ล้านบาท คิดเป็น 79.88 เปอร์เซ็นต์ โดยในปีที่ 3 คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องมีมติให้คงหลักการเดิม โดยจะเสนอให้ครม.พิจารณาต่อไป นโยบายการประกันรายได้ ทำให้เกษตรกรมีเงินส่วนต่างเป็นทุนหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตหากพืชเศรษฐกิจราคาตกต่ำ หรือในวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีการจ่ายตรงเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ของเกษตรกรไม่มีรั่วไหล ไม่เกิดการทุจริต ทำให้นโยบายนี้ได้รับการยอมรับจากเกษตรกรเป็นอย่างมาก ตนเห็นว่านายจุรินทร์เป็นผู้นำทางด้านการประกันรายได้ช่วยเกษตรกรร่วม 8 ล้านครัวเรือน

นางมัลลิกา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นอกจากโครงการนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ยกระดับราคาโดยใช้มาตรการเสริมด้วย ทั้งโครงการสินเชื่อ โครงการชดเชยดอกเบี้ยสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกร รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมี นายจุรินทร์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ มีกรมการค้าภายใน เป็นมี นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ทำหน้าที่เป็นเลขานุการ โดยเน้นย้ำเรื่องการจัดสรรงบประมาณ ต้องทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายและสุจริตโปร่งใส