เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่​สำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อแก้ข้อกล่าวหากรณีแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา 2475 ยื่นร้องขอให้ยุบพรรคไทยภักดี เนื่องจากตนได้กล่าวในระหว่างการประชุมพรรคเมื่อวันที่  5 ส.ค. 2566 ที่ระบุว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นมรดกบาปของคณะราษฎร และถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องสถาปนาการปกครองที่พระมหากษัตริย์ พรรคการเมือง และประชาชนอยู่ร่วมกันเพื่อความผาสุขของประชาชน ซึ่งก็คือราชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวว่า การพูดดังกล่าวเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่ตนสงสัยว่าพรรคไทยภักดีเป็นพรรคเล็ก ไม่มี สส. ทำไม กกต. จึงเร่งรีบที่จะตรวจสอบพรรคไทยภักดี และไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ ยังมีเรื่องการตรวจสอบสาขาพรรค ซึ่งเรารู้สึกว่ามันมากเกินไป เมื่อเทียบกับบางพรรคที่ทั้งเสนอและปฏิบัติในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แต่เท่าที่ทราบ กกต. ยังไม่ดำเนินการอะไรกับพรรคดังกล่าวเลย อยากให้ประชาชาพิจารณาว่าการที่ตนเสนอราชาธิปไตย กับที่บางพรรคเสนอแก้ไขมาตรา 112  และใช้เป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล สิ่งใดน่าจะเข้าข่ายในการล้มล้างการปกครองมากกว่า  

“ผมเสนอความเห็นนี้ ทั้งประชาชนและ กกต. อาจยังไม่เข้าใจว่า ราชาธิปไตยหมายถึงอะไร และเป็นการเสนอในเชิงวิชาการด้วย แต่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองที่ กกต. ต้องให้มาชี้แจงแล้วหรือ ถ้าประเทศเราปกครองด้วยระบอบเผด็จการ ผมจะไม่สงสัยเลย แต่นี่ประเทศเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย คนๆ หนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แค่เสนอความเห็น ซึ่งเป็นวิชาการด้วย ทำไมถูกมองว่ากระทำการล้มล้างการปกครอง นี่เป็นประเด็นที่ผมคาใจ” นพ.วรงค์ กล่าวและว่า แนวคิดที่เสนอนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และจะชี้แจงให้กับ กกต. ได้เข้าใจ 

นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้ประเทศมีเรื่องอื่นๆ ที่ใหญ่กว่านี้ ที่ กกต. ควรจะจัดการ เช่น บางพรรคการเมืองเสนอนโยบายที่ไม่ตรงปก บางพรรคกล้าที่จะประกาศว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะต้องแก้มาตรา 112 ซึ่งเป็นกระบวนการล้มล้างการปกครองที่ชัดเจน แต่ กกต. กลับไม่ทำอะไร อย่างเรื่องของการทุจริตเลือกตั้งวันนี้ ก็ยังจับใครไม่ได้เลย ประชาชนเริ่มโห่แล้ว แต่ กกต. อาจจะยังไม่ได้ยิน แล้วทำไม กกต. จึงพุ่งเป้ามาที่พรรคไทยภักดี เบื้องต้น กกต. ได้เลือกว่าจะมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือส่งเป็นเอกสาร  ซึ่งตนขอชี้แจงเป็นเอกสาร จึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างมายื่นในวันนี้ สิ่งที่ตนพูดและทำให้ผู้ร้องติดใจ อาจเป็นเพราะเขาไม่ชอบคำว่า มรดกบาปของคณะราษฎร แต่ถ้า กกต. ทำการบ้านก่อน จะรู้ว่าเรื่องนี้คือเรื่องเดียวกัน มาจากรากของการปกครองประเทศที่เป็นประชาธิปไตย  และมีสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกัน   

“พรรคไทยภักดีแม้จะเป็นพรรคเล็ก ไม่มี สส. ในสภา แต่เรายังยืนหยัดเพื่อความถูกต้องของประเทศ ช่วงนี้ประชาชนอึดอัด ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล และองค์กรอิสระ รวมถึงพรรคการเมืองห่วยๆ ในประเทศไทย ผมจึงขออนุญาตนำคำพูดของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่ว่ารักษาระบบของประเทศให้สะอาดโปร่งใส ซึ่งประโยคดังกล่าวเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศสิงคโปร์พัฒนา ประเทศไทยจะต้องเป็นแบบนั้น” นพ.วรงค์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการมายื่นคำชี้แจง ได้มีกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. ที่นำโดยอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานกลุ่ม พร้อมสมาชิก นำดอกกุหลาบแดงมาให้กำลังใจ และประกาศจะยืนเคียงข้างพรรคไทยภักดี พร้อมขู่ กกต. ว่า หากอะไรไม่ดีจะเอา กกต. ติดคุก.