ต้องบอกว่าตั้งแต่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปลดฟ้าผ่า “2 รัฐมนตรีช่วย” ซึ่งเป็น “ลูกรักลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เกิดอาฟเตอร์ช็อตในรอยเลื่อนขยายแนวสร้างความแตกแยกหนักกว่าเดิมตามมาเป็นระลอก ทั้งเกมในสภา และเกมในพรรคพปชร.ที่ดูเหมือนจะไม่จบง่ายๆแค่ฉากโชว์ซีนสวีต กลบร่องรอยแตกแยกชิงอำนาจในพรรคพปชร.
ทว่าภายใต้คำถามตัวโตๆพายุลูกใหม่ก่อตัวได้ทุกเมื่อ ระหว่างเส้นทางแล่นต่อของ “เรือเหล็กผุพัง”
เปิดสภาสมัยหน้าตามลุ้นระทึก กฎหมายสำคัญ หรือกฎหมายการเงินมีโอกาสถูกลองของให้หายใจไม่ทั่วท้อง รัฐบาลใจตุมๆต่อมๆนั่งไม่ติด พลิกคว่ำพลิกหงายได้ทุกเวลาตราบใดที่ “เกมซ่อนมีด” ยังร้าวลึกต่อไป แนวโน้มการทำงานไม่มีทางราบรื่นแน่นอน สนามเลือกตั้งครั้งหน้า “ร.อ.ธรรมนัส” จะชกสู้เต็มร้อยแค่ไหนให้พรรคพปชร.หากยังเข็น “บิ๊กตู่” ลงสนามต่อ
แต่งานนี้ดูเหมือน “บิ๊กตู่” สู้ยิบตา หลังจากประกาศว่า นับจากนี้จะ “ลดระยะห่าง” กับ ส.ส. พบปะหารือใกล้ชิดมากขึ้น เห็นได้จากคิวกระชับขยับเดินสายลงพื้นที่เริ่มตั้งแต่จังหวัดสมุทรปราการ ขยับมาจังหวัดชัยนาท ถัดมาจังหวัดชลบุรี และล่าสุดเตรียมลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย พื้นที่ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรมและกรรมการบริหารพรรคพปชร.ในทางการเมืองเห็นภาพชัดขึ้น เพราะถือเป็นการกระชับมิตรกลุ่มส.ส.ในพรรคพปชร.หรืออาจจะเป็นการนับหัวส.ส. ที่เป็นกลุ่มของ “บิ๊กตู่”ว่ามีเท่าไรหรือไม่
เพราะอย่าลืมว่าพื้นที่ชัยนาท เป็นพื้นที่ของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคพปชร. จาก “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเป็นเลขาธิการพรรคมาก่อนหน้าที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็น“ร.อ.ธรรมนัส” ในปัจจุบัน ขณะที่พื้นที่ชลบุรี เป็นพื้นที่ของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และกรรมการบริหารพรรคพปชร.จึงไม่แปลกกับปรากฎการณ์เคลื่อนไหวในครั้งนี้
อีกนัยทางการเมืองมองว่ากันว่าถือเป็นการส่งสัญญาณยุบสภา เพื่อเตรียมพร้อมสนามเลือกตั้งครั้งหน้าของ “บิ๊กตู่” หรือไม่ งานนี้ “โฆษกรัฐบาล” ธนกร วังบุญคงชนะ ออกมาชี้แจงชัดๆว่า “การลงพื้นที่เป็นเรื่องปกติตามภาระหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ได้หมายความว่า การที่นายกฯลงพื้นที่นั้น แปลว่าจะต้องมีการยุบสภาฯ ยืนยันว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ และไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภาฯ”
การ “เปิดเกมรุก” ปรับท่าทีใหม่ของ “บิ๊กตู่” จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง ว่าต่อจากนี้จะรุกเข้ามามีบทบาทในพรรคพปชร.มากขึ้นหรือไม่ หรือนี่อาจเป็นสัญญาณทางการเมือง เกมหักเหลี่ยมเฉือนคม ชิงเดินหมากกระดานใหม่ รอวันปักธงชัยชนะสนามเลือกตั้งครั้งหน้า ท่ามกลางเดิมพันจะอยู่หรือจะได้ไปต่อหรือไม่.