สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า กระทรวงกลาโหมจอร์แดนประกาศ การเสริมกำลังทหารตลอดแนวชายแดนฝั่งตะวันตกของประเทศ ซึ่งติดกับอิสราเอล และเน้นย้ำ “การดำเนินการทุกวิถีทางตามกฎหมาย” เพื่อป้องกันการหลั่งไหลอพยพ ของชาวปาเลสไตน์จากเขตเวสต์แบงก์ หากมีการผลักดันจากอิสราเอล ซึ่งรัฐบาลอัมมานเตือนด้วยว่า ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงสันติภาพระดับทวิภาคี


ทั้งนี้ จอร์แดนเป็นประเทศที่สองในโลกอาหรับ ซึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล เมื่อปี 2537 ต่อจากอียิปต์ เมื่อปี 2522 และจอร์แดนยังมีสถานะเป็น “ผู้พิทักษ์” ศาสนสถานหลายแห่ง ในเขตตะวันออกของนครเยรูซาเลม พื้นที่พิพาทสำคัญระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์


ขณะที่นายไอย์มาน ซาฟาดี รมว.การต่างประเทศจอร์แดน กล่าวว่า รัฐบาลอัมมานยังคงมีคำถามเกี่ยวกับ “เป้าหมายที่แท้จริง” ของอิสราเอล ในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากแม้อิสราเอลประกาศว่า ต้องการ “กวาดล้าง” อีกฝ่าย แต่การที่กลุ่มฮามาสมีสมาชิกจำนวนมาก จึงยังคงเป็นคำถามว่า แล้วอิสราเอลจะบรรลุเป้าหมายที่ว่านั้นได้อย่างไร

นอกจากนี้ ซาฟาดียืนยันว่า จอร์แดนจะหยุดยั้งการหลั่งไหลข้ามพรมแดน ของคลื่นผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ และความมั่นคงภายในของประเทศเช่นกัน.

เครดิตภาพ : AFP