เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย​ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปีพ.ศ. 2566 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล​  โดยได้เยี่ยมชมการจัดแสดงนิทรรศการถอดบทเรียนความสำเร็จของจังหวัดที่ได้รับรางวัลชนะเลิศทั้ง 5 กลุ่มจังหวัด หลังจากนั้นได้มอบรางวัลให้กับ 20 จังหวัดต้นแบบการจัดการขยะมูลฝอยระดับประเทศ และอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลกดีเด่นแห่งชาติจำนวน 15 คน พร้อมทั้งกล่าวแสดงความยินดีและมอบนโยบายด้านการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

นายอนุทิน​ กล่าวว่า การที่ตนได้ยินว่าเป็นการมอบรางวัลจัดการขยะชุมชน​ ตนก็รู้สึกดีใจ และมั่นใจขึ้นว่าพวกเราให้ความสำคัญ และมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ สะอาดเรียบง่ายชัดเจนในเป้าหมาย ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ ตนคิดว่าความจะมีส่วนร่วมของประชาชนคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับภารกิจนี้ การจัดการกับขยะจะสำเร็จได้ด้วย 3 ปัจจัยหลัก คน​ กฎหมาย​ และเทคโนโลยี ซึ่งเราต้องจริงจังกับเรื่องนี้​ ในฐานะที่เป็นคนไทย การกำจัดขยะมูลฝอย​มีอยู่​ 2 วิธี ถึงเตาเผาขยะเพื่อการฝังกลบ โดยการจัดการโดยทั่วไปจะทำให้เกิดก๊าซมีเทนขึ้น มากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์​

นายอนุทิน​ กล่าวต่อว่า สิ่งง่ายๆ ที่สามารถทำได้คือ​ ใช้แล้ว​ ใช้ซ้ำ​ และนำกลับมาใช้ใหม่​ อย่างตน​ เข็มขัดของตนใช้มาประมาณ 25​- 30 ปี​ หากรูเลยก็เจาะใหม่​ รวมไปถึงรองเท้าบางคู่ตนใส่ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปี​ 3 อย่างน้อยก็เปลี่ยนส้น​  พร้อมกับกล่าวติดตลกว่าการพูดกับทุกคนก็เปรียบเสมือนการนำมะพร้าวห้าวมาขายสวน​ พร้อมกับระบุอีกว่าสิ่งที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์​ใหม่ของโลก​ หรือ New World Order  เพื่อปรับพฤติกรรม​ ซึ่งตนเชื่อว่าในที่นี้ ทุกคนอาจเคยใช้สินค้าแบรนด์ แต่เชื่อว่าสู้สินค้า OTOP เราไม่ได้​ มีทั้งความคงทนมีคุณค่า​ และมีความเหมาะสมกับการใช้ในลักษณะความเป็นคนไทย​  ซึ่งสิ่งพวกนี้จะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง เข้มแข็ง แข็งแกร่งในทุกๆ ด้าน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน

นายอนุทิน​ กล่าวอีกว่า คำว่าจังหวัดสะอาด​ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต้องเริ่มจากบ้านสะอาด​ ชุมชนสะอาด​ ขยายต่อไป​ และทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ เป็นพ่อเมืองทุกจังหวัด​ ก็จะนำไปสู่เป้าหมายเป็นประเทศไทยที่สะอาด​ ซึ่งควรจะเกิดขึ้นแล้วเพื่อให้เรามีที่ยืนอยู่ในโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรี​ และไม่มีอะไรที่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในสังกัดทำไม่ได้ ตนอยู่มา 3 เดือน​ เห็นชัดเจนว่าถ้าพวกเราทุกคนสามารถที่จะรวมพลังกัน ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์​ มีคุณค่าให้กับบ้านเมืองของเรา ประเทศไทยของเราจะเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มีความสงบ มีความสุขน่าอยู่ในทุกมิติ​  และอีก​ 2 สัปดาห์จะได้พบปะกับผู้ว่าราชการอีกครั้ง​ ทั้งในเรื่องหนี้ผิดกฎหมาย​ปราบปรามผู้​มีอิทธิพล​ และปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน.