เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าหลายประเด็น ทั้งในส่วนของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็น ที่ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว เหลือการรับฟังความเห็นอีก 2 ภาค คือ ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ รับฟังประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ และภาคใต้ ที่ จ.สงขลา รับฟังความเห็นจากชาวใต้และชาวมุสลิม และต้องรอเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อสอบถามความเห็นจาก สว.และสส. เมื่อรับฟังหมดแล้วถือว่าครบถ้วน จากนั้น คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นจะทำข้อสรุปและบันทึกความเห็นที่แตกต่าง เพื่อเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ ขณะที่คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ยังมีความเห็นแตกต่างในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 มีการนำข้อกฎหมายต่างๆมาพิจารณาเพื่อดูว่าจะจัดทำประชามติอย่างไร และมีวิธีการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปตามที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุด และเป็นเครื่องมือไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทันสมัยขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นควรให้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อมาให้ความชัดเจนในข้อกฎหมายอีกครั้ง และทำให้การตัดสินใจของคณะกรรมการฯ เกิดความชัดเจน ในที่ประชุมยังหารือว่าการแก้ไขฯ ครั้งนี้ มีข้อเสนอว่าควรให้สภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นเพื่อเสนอให้ประธานรัฐสภา เป็นผู้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากเกิดกรณีที่มีความเห็นขัดแย้งกัน โดยมอบหมายให้ตัวแทนพรรคการเมืองที่อยู่ในคณะกรรมการฯ ไปปรึกษาหารือกันในพรรคของตัวเอง โดยทั้งหมดนี้จะนำไปประมวลผลและคาดว่าคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่จะให้พรรคการเมือง เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะนำเสนอในประเด็นใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นความชัดเจนที่เกี่ยวกับการทำ เช่น ต้องทำได้กี่ครั้ง และสามารถทำร่วมกับกฎหมายการเลือกตั้งอื่นได้หรือไม่ และสามารถให้ประชาชนออกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสารได้หรือไม่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะหารือในที่ประชุมสภาก่อน หากที่ประชุมตกลงกันได้ก็ดำเนินการต่อไป แต่หากมีความขัดแย้ง สภาก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เมื่อถามย้ำว่าศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าไม่ใช่องค์กรที่ให้คำปรึกษา จะรับพิจารณาในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่ปรึกษา แต่หากที่ประชุมสภามีความขัดแย้ง สภามีหน้าที่นำเสนอต่อศาลให้ตีความได้ เพื่อให้ได้ข้อยุติ
เมื่อถามว่าที่ประชุมมีข้อเสนอให้แก้กฎหมายออกเสียงประชามติหรือไม่ เนื่องจากมีกับดักสองชั้นเรื่องของเสียงของประชาชนที่จะมาลงประชามติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีข้อสรุปให้ไปศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการฯ เสนอว่า ยังมีกฎหมายที่สร้างความชัดเจนตรงนี้ได้ จึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมการศึกษาไปพิจารณาด้วย เนื่องจากกฎหมายประชามติยังไม่เคยถูกนำมาใช้ จึงต้องไปศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อถามว่าการมีเงื่อนไขเพิ่ม หากต้องสอบถามศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่กระทบกับไทม์ไลน์ที่วางไว้ ที่จะให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ย้ำว่าคณะกรรมการฯ มีความมุ่งมั่นจะทำให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีบอกไว้ว่าทำไม่ได้ไม่มี มีแต่ทำอย่างไรจะทำให้ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพื่อให้เกิดประโยชน์ และประชาชนอยากได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย อยากได้บรรยากาศและกติกาใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้มากขึ้น แต่สุดท้ายหากเกิดปัญหาที่เป็นเรื่องจำเป็น และมีข้อจำกัดที่รับฟังได้ ตนเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจได้ แม้สังคมอาจจะเกิดความกังวลว่าเป็นการดึงเวลาให้เกิดความล่าช้า