เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และนายวุฒิพงษ์ ภิรมยาภรณ์ รองผอ.ธนาคารออมสิน แถลงนโยบาย “แก้หนี้ เสริมกำลังใจ ให้คนสาธารณสุข” โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งคณะทำงานเจรจาหาทางออกปัญหาหนี้สินของบุคลากร กับทางธนาคารออมสิน โดยการจัด “คลินิกรักษาสุขภาพความมั่นคงทางการเงิน” และทำแผนความมั่นคงปลอดภัยด้านการเงิน (Money Safety MOPH+) 2 โครงการ คือ 1.โครงการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ดำเนินการในกลุ่ม คือ รีไฟแนนซ์ ซื้อบ้านหลังใหม่ ปลูกสร้าง และต่อเติมซ่อมแซม ซึ่งพบบุคลากร 15% เป็นหนี้บ้านประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อคน ดอกเบี้ยประมาณ 4.6% เฉลี่ย 9,583 บาทต่อเดือน ซึ่งดอกเบี้ยโครงการนี้อยู่ที่ 2.6% จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อคน 4,167 บาทต่อเดือน และลดค่าใช้จ่ายภาพรวมของกระทรวงสาธารณสุข 3 พันล้านบาทต่อปี

2.โครงการสินเชื่อสวัสดิการและอื่นๆ 4 รูปแบบ คือ สินเชื่อสวัสดิการ อุปโภคบริโภค/ชำระหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น, สินเชื่อ Salary เปย์ เพื่อบุคลากรภาครัฐ, สินเชื่อสวัสดิการโดยใช้บำเหน็จตกทอด และสินเชื่อรายได้ประจำสุขใจ จากข้อมูลบุคลากรฯ 40% เป็นหนี้เฉลี่ย 2 แสนบาทต่อคน ดอกเบี้ยประมาณ 16% เฉลี่ย 2,666 บาทต่อเดือน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อคนได้ 1,584 บาทต่อเดือน และลดค่าใช้จ่ายภาพรวมของกระทรวงฯ 3,042 ล้านบาทต่อปี โดยทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะช่วยทำให้บุคลากรมีเงินเหลือเก็บ 5,751 บาทต่อเดือน และประหยัดค่าใช้จ่ายภาพรวมกระทรวงฯ ได้กว่า 6,042 ล้านบาทต่อปี ส่วนการแก้หนี้นอกระบบเป็นโครงการในกลุ่มสินเชื่อสวัสดิการให้แก่รายย่อยวงเงินไม่เกินรายละ 2 แสนบาท ระยะเวลาไม่เกิน 8 ปี ดอกเบี้ย 0.70-0.75% ต่อเดือน ทั้งนี้การแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รวมอยู่ในแพ็กเกจที่นายกรัฐมนตรีที่จะแถลงข่าวแต่อย่างใด

ด้านนายวุฒิพงษ์ กล่าวถึงแนวทางแก้หนี้นอกระบบให้กับบุคลากรสาธารณสุข ว่า  บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขที่อาจมีการกู้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 3-4 หมื่นบาท หรือเป็นหนี้ไฟแนนซ์อย่างมอเตอร์ไซค์ที่มีดอกเบี้ยสูงๆ ก็สามารถมาดำเนินการกู้เงินกับโครงการนี้ได้ในวงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท ดอกเบี้ยน้อยมากประมาณ 0.7% ต่อเดือน หรือรวมๆ ประมาณ 8% ต่อปี ซึ่งถูกกว่าไฟแนนซ์ประมาณ 15% และหนี้นอกระบบประมาณ 5% ทั้งนี้การเข้าร่วมโครงการไม่ต้องมีอะไรมาค้ำประกัน เพราะจะหักเงินคืนจากเงินเดือน ดังนั้นบุคลากรที่สนใจสามารถติดต่อกับคลินิกรักษาสุขภาพความมั่นคงทางการเงินที่กระทรวงสาธารณสุขจะจัดขึ้นในองค์กรของตนได้

พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในการสร้างความมั่นคงของระบบสุขภาพ พร้อมไปกับการดูแลบุคลากรทุกคน ทุกระดับ และทราบถึงปัญหาภาระหนี้สินที่เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและขวัญกำลังใจในการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้วิกฤติที่ต้องได้รับความช่วยเหลือเร่งด่วน จึงได้ตั้งคณะทำงานเจรจาหารือกับสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา รวมกว่า 2 เดือน เพื่อให้ได้ข้อเสนอสวัสดิการทางการเงินที่ดีที่สุด ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย สร้างสภาพคล่องทางการเงิน เสริมกำลังใจ สร้างความมั่นคงให้ชาวกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตอบแทนบุคลากรทุกคนที่ได้ทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ ดูแลสุขภาพประชาชนคนไทยทั้งประเทศจนมีผลงานที่ดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ตลอดมา.