เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ สว. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 เตรียมเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กรณีให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ตนมองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะทำเรื่องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมา เคยมีประเด็นที่เคยส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ สว. พร้อมคณะ ทำเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมาแล้ว และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า หากจะแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย ส.ส.ร. หรือให้ ส.ส.ร. ทำหน้าที่รื้อรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ซึ่งมาจากอำนาจของประชาชน ต้องถามประชาชนก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่

นายวันชัย กล่าวว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือยกเว้น หมวด 1 หรือ หมวด 2 ตนมองว่าไม่จำเป็นที่ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความอีก เพราะเคยเกิดขึ้นแล้ว หรือหากรัฐบาลไม่ต้องการทำประชามติ สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้เป็นรายมาตรา หรือตามเงื่อนไขของมาตรา 256 ในรัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดไว้

นายวันชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีความเห็นว่าจะสอบถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ควรทำประชามติกี่ครั้งนั้น ส่วนตัวมองว่าอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ไม่ควรเกิน 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 2 คือ เมื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่กระทบต่อเงื่อนไข มาตรา 256 ซึ่งจะเป็นก่อนการลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่ในวาระสาม และครั้งที่ 3 หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบทั้งฉบับโดยรัฐสภาแล้ว

เมื่อถามว่า ขณะนี้เหมือนรัฐบาลเพิ่มประเด็นเพิ่มเติมเรื่อยๆ ทั้งการแก้ พ.ร.บ.ประชามติ และส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ นายวันชัย กล่าวว่า เป็นประเด็นของรัฐบาลที่ต้องตัดสินใจ เพราะการศึกษาแนวทางการทำประชามตินั้น เป็นอำนาจเต็มของรัฐบาลตามกฎหมาย แต่ที่รัฐบาลฟังพรรคการเมือง ประชาชน ถือเป็นวิธีปฏิบัติ หรือหาแนวร่วม ทั้งที่ข้อเท้จจริงไม่ฟังก็ได้ ดังนั้น ตนมองว่ารัฐบาลมีเหตุผลทางการเมือง ที่ไม่จำเป็นต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญ.