เมื่อวันที่ 21 ก.ย. น.ส.สราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวถึงกรณี นายพิศาล สุขใจธรรม อายุ 41 ปี นักพัฒนาสังคมชำนาญการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทุจริตยักยอกโอนเงินจากบัญชี พก. เข้าบัญชีตัวเอง 13 ล้านบาท ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุพบเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้หายไปจากระบบคลังของ พก. รวมกว่า 45 ล้านบาท ว่า ยืนยันว่าจำนวนเงินเบื้องต้นที่ตรวจสอบจากระบบในบัญชีย้อนหลัง 3 เดือนมูลค่าประมาณ 13 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณที่เป็นเงินประกันโครงการต่างๆ ของพก. ไม่ใช่เงินกองทุนคนพิการ ไม่เกี่ยวข้องกับเบี้ยคนพิการ ซึ่งนายพิศาลไม่ได้รับผิดชอบเงินกองทุนคนพิการ

ส่วนที่มีการระบุว่ามีการยักยอกเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้หายไปจากระบบคลัง พก. รวมกว่า 45 ล้านบาทนั้น ยังไม่ใช่ข้อมูลที่ชัดเจน อาจจะเป็นการคาดเดาของเจ้าหน้าที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงซึ่งจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งตนได้สั่งการให้ได้สอบสวนข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน รอบด้าน ชัดเจนที่สุด ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งฝ่ายเกี่ยวข้องทั้งกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ยังตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน และตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งความนายพิศาลเพิ่มแต่อย่างใด ต้องรอข้อมูลจากการสอบข้อเท็จจริงก่อน เพียงแต่มีการยื่นคัดค้านการประกันตัว

น.ส.สราญภัทร กล่าวว่า สำหรับข้าราชการอีก 2 คนที่มีรหัสปลดล็อกเข้าระบบการเงินในบัญชีที่ถูกยักยอกนั้น ได้ให้สลับหน้าที่ไปอยู่ส่วนอื่นแล้ว เพื่อไม่ให้มีผลต่อกระบวนการสอบที่จะเกี่ยวข้องกับข้อมูลต่างๆ อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาส่วนบุคคล แต่เข้าใจว่าภาพลักษณ์ของ พม. ที่เคยเกิดเหตุการณ์ทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งที่เกี่ยวโยงไปถึงข้าราชการหลายระดับเมื่อปี 2561 ก็อาจจะล้างไม่ออก ทำให้มีการคาดเดาว่าจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือไม่ ทั้งรมว.พม. และปลัด พม. ก็ยืนยันชัดเจนว่าเงินที่ถูกยักยอกเป็นเงินนอกงบประมาณ ไม่เกี่ยวและไม่มีผลกระทบต่อเงินคนพิการ ทั้งนี้ ขอให้รอการสอบข้อเท็จจริงที่แน่ชัด ยืนยันว่าตนจะเร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงนำผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างถึงที่สุด.