เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คณะทำงานเครือข่ายขับไล่ประยุทธ์ หรือ อ.ห.ต. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ การสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล พ้นเก้าอี้รัฐมนตรี ถือเป็นการตอบโต้อย่างหนักหน่วงฉับพลันทันทีโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ข้อหาที่ทั้งสองคนโดนในทางการเมืองเรียกว่า “ข้อหาพยายามฆ่า” หมายถึงการเดินเกมลึกลับซ้อนซ้อนบนดินใต้ดิน จะพลิกมติเป็นไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

คอการเมืองเชื่อกันว่า แม้ร.อ.ธรรมนัสจะกล้ามใหญ่ขึ้นทุกวัน แต่ทำอย่างนี้ไม่ได้ถ้าหากไม่มีแบ๊กอัพเป็นกำลังสำคัญระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดังนั้น งานนี้จึงมีภาพความปริร้าวในกลุ่ม 3 ป. มีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคพลังประชารัฐและอำนาจในรัฐบาล

ที่จริงจะไปมองว่าฝ่ายพล.อ.ประวิตร, ร.อ.ธรรมนัสและพวกลงมือก่อน ก่อเหตุพยายามฆ่าทางการเมืองขึ้นก่อนก็ไม่ถูกนัก เพราะก่อนหน้านี้มีกระแส ข่าวบิ๊กในรัฐบาลมอบหมายปลัดกระทรวงใหญ่ชื่อย่อ “ฉ” เดินสายตั้งพรรคการเมือง ธรรมดาของ “ฉ” ตีดัง การเดินสายตั้งพรรค คนเขารู้กันทั้งประเทศ

ในวินาทีที่ พล.อ.ประวิตรกุมบังเหียนพรรคพลังประชารัฐ เป็นฐาน เป็นนั่งร้าน ให้พล.อ.ประยุทธ์บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กลับมีข่าวน้อง 2 ป. มอบหมายปลัด “ฉ” ไปตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาแบบนี้ นี่คือข้อหาพยายามเขี่ยพี่ใหญ่ใช่หรือไม่?

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่คุกรุ่นภายในอยู่นานจนเห็นควันจากปล่อยภูเขาไฟ เมื่อมีการพยายามเขี่ย ก็ต้องมีการพยายามฆ่า เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป หลายคนฟันธงว่าอำนาจรัฐนี้คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน พอพล.อ.ประยุทธ์กระชับอำนาจรัฐบาล พล.อ.ประวิตรก็กระชับอำนาจพรรคพลังประชารัฐทันทีเหมือนกัน

ข่าววงในว่ากันว่า ตำแหน่งประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ แท้จริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์คิดอ่านจะเข้ามานั่งเพื่อกระชับสัมพันธ์กับ ส.ส.ในพรรคด้วยซ้ำไป แต่พล.อ.ประวิตรใช้อำนาจหัวหน้าพรรคประกาศแต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขึ้นมานั่งทันที คำสั่งนี้ปรากฏทางสื่อมวลชนในช่วงกลางคืน อะไรมันจะด่วนขนานนั้น นี่เรียกว่าเป็นเกมทันกันของทั้งสองฝ่าย

เมื่อล้วงมือเข้ามาในพรรคไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ก็แก้เกมโดยการเดินสายพบปะประชาชน ลงพื้นที่ถี่ยิบอย่างกับเลือกตั้ง อาจมองได้ว่าการลงพื้นที่ที่จะทำให้สัมพันธภาพระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส.ในพรรคใกล้ชิดแนบแน่นมากขึ้น แต่ในสายตาผมเห็นว่า นี่จะยิ่งตอกย้ำความแปลกแยกแตกต่าง และอาจจะขยายความขัดแย้งภายในพรรคประชารัฐมากกว่า

เพราะถ้าดูพื้นที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์เลือกลงพบปะประชาชน ชลบุรี ชัยนาท สุโขทัย ล้วนแล้วแต่เป็นจังหวัดที่ยืนข้าง พล.อ.ประยุทธ์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาตั้งแต่ต้น ไม่มีพื้นที่ของ ส.ส.ในซีกพล.อ.ประวิตร หรือ ร.อ.ธรรมนัส ถ้าเดินต่อไปแบบนี้ ลองเดาดูซิครับว่าหัวใจหรือความรู้สึกของคนเป็นพี่ใหญ่หรือ ส.ส.ลูกทีมจะเป็นยังไง?

แม้นายทหาร 3 ป. จะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวผูกพันกันกว่าค่อนชีวิต แต่ในทางการเมืองผมเชื่อว่าถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชารัฐในมือพล.อ.ประวิตร จะไม่มีแคนดิเดตชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

พรรคการเมืองที่ปลัด “ฉ” เดินตั้ง น่าจะมีหัวหน้าพรรคชื่อ “อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ส่วนจะมีแคนดิเดตนายกฯ ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรือไม่? เป็นเรื่องที่น่าติดตามกันต่อไป

สถานการณ์ความขัดแย้งแบบนี้อาจมองได้ว่าการยุบสภาหรือเปลี่ยนแปลงทางการเมืองคงเกิดขึ้นในระยะใกล้ แต่สายตาผมไม่เห็นแบบนั้น เพราะแม้จะมีความขัดแย้งกัน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะซีกพล.อ.ประวิตร หรือซีกพล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.อนุพงษ์ รู้สึกตรงกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่พร้อมที่จะสละอำนาจเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง จะตีศอกโยนเข่ากันยังไง ทั้งสองฝ่ายยังเห็นว่าถืออำนาจไว้ก่อนยังไงก็ดีกว่า

แต่ในโลกของความเป็นจริง เมื่อความขัดแย้งทางอำนาจมันเกิดขึ้นในจุดศูนย์กลางของอำนาจ การจะรักษาและประคับประคองต่อไปเรื่อย ๆ เป็นเรื่องยาก โคตรยาก! ดังนั้นเจตนาของทั้งสองฝ่ายที่จะหักให้พังกันไปข้างหนึ่ง ไม่มี!  แต่สภาพนี้อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาครับ

พล.อ.ประวิตรประกาศห้ามหัวหน้าก๊วนหัวหน้ากลุ่มทั้งหลายดูแลส.ส. งานนี้เปิดท่อเพียงลำพังแต่ผู้เดียว ช่วงเลือกตั้งรับรองจะใจป้ำเหมือนเดิม 100%

ทางฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ได้ข่าวว่า มีการระดมกล้วยมหาศาล การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การลงมติที่ผ่านมาถึงขนาดส.ส.หลายคนเรอออกมาเป็นกล้วย ปรารภกับเพื่อนส.ส.ด้วยกันว่า “ทั้งชีวิตตั้งแต่อยู่ในสภาไม่เคยยกมือไว้วางใจแล้วได้กล้วยมากมายขนาดนี้”

การเมืองจากนี้ไปจึงเป็นเรื่องกล้วย ๆ ไม่ใช่ง่ายนะครับ แต่เยอะ

มองไปยาว ๆ ผมว่าสายพล.อ.ประวิตร เอาพรรคพลังประชารัฐอยู่ แต่ไม่รู้พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อนุพงษ์ จะสร้างพรรคใหม่และครองใจ ส.ส.ได้หรือไม่ เพราะธรรมชาติของสองคนนี้ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์มีความยโสลำพองในตัวเอง มองนักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยสายตาเหยียดต่ำตลอดมา

เกือบ 8 ปีในการเข้ามาสู่อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยให้ความใกล้ชิดสนิทสนมหรือสัมผัสลึกซึ้งใจแลกใจกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาก่อนเลย อยู่ ๆ จะมาพลิกเปลี่ยนกลับกลายชั่วข้ามคืน ผมว่าไม่ง่าย! ไอ้ที่ลงพื้นที่ถี่ ๆ นานไปก็จะเห็นว่าปลอม ควักหัวใจส.ส.ที่ห้อมล้อมอยู่ออกมาดูก็จะรู้ว่าไม่ใช่เพราะประยุทธ์ แต่เพราะประโยชน์ที่อำนาจของประยุทธ์จะมอบให้

ผมไม่ได้ยุให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันนะครับ แต่ผมเห็นอย่างนั้นจริง ๆ