เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า การรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 นับเป็นเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน และการรัฐประหารที่เกิดขึ้นทุกครั้งทำลายประเทศทั้งเศรษฐกิจ และสังคมรวมไปถึงโอกาสในการพัฒนาประเทศ ปัจจัยหลักของการรัฐประหาร คือ การรักษาอำนาจ การกลัวการสูญเสียอำนาจ และใช้อำนาจของผู้นำเหล่าทัพซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้ร่วมสนับสนุนนำกองกำลังเข้าทำการรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. 49 ซึ่งต่อมาได้รับการคุ้มครองนิรโทษกรรม ไม่ให้เป็นความผิดจากรัฐธรรมนูญปี 50 แต่เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำการยึดอำนาจ เมื่อปี 57 ล้มรัฐธรรมนูญปี 50 ทำให้การนิรโทษกรรมผู้ทำการรัฐประหารปี 49 ถูกยกเลิกไปและไม่ได้บัญญัติใว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 และรัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งบัญญัติรองรับนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ทำการรัฐประหารปี 57 เท่านั้นรวมทั้งไม่ได้เขียนนิรโทษกรรมไว้ในกฎหมายอื่นใดทั้งนี้ผู้ทำการรัฐประหารและผู้สนับสนุน มีความผิดฐานกบฏสมควรรับผิดชอบการกระทำ แต่กลัวความผิดจึงมีการนิรโทษกรรมไว้ในรัฐธรรมนูญให้ถือว่าการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญมิให้ถือเป็นความผิด
“การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ในครั้งนั้น ตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นมาเป็นความผิดฐานกบฏล้มล้างการปกครองล้มล้างรัฐธรรมนูญตามป.อาญา ม.113 อายุความยังไม่หมดเป็นอาญาแผ่นดินประชาชนสามารถฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพท.จะต่อสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อให้คนที่กระทำความผิดได้รับโทษเพราะเป็นการกระทำที่ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไร้อนาคตทำลายประชาธิปไตย ประเทศชาติเสียหายขาดโอกาสในการพัฒนา และจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารทำลายประชาธิปไตยอีกในอนาคต ทั้งนี้ เห็นควรแก้กฎหมายเรื่องอายุความความผิดฐานกบฏจากรัฐประหาร ต้องไม่มีอายุความ” นพ.ชลน่าน กล่าว.