เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชวงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ในปี 2567 โดย ทส. เสนอมาตรการพร้อมกลไกบริหารจัดการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ และเสนอให้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2567 มีมรสุมและความกดอากาศสูงมาจากภาคเหนือ ทำให้อากาศไม่กระจายตัว และยิ่งปีนี้ เราเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะแล้งจัด ขณะที่ปัญหาหมอกควันมีแหล่งที่มา 3 แหล่งใหญ่ๆ คือ 1.เกิดจากปัญหาไฟป่า 2.การเผาในพื้นที่เกษตร 3.หมอกควันข้ามพรมแดน และ 4 การจราจรขนส่งและโรงงานอุตสาหกรรม

นายชัย กล่าวอีกว่า ดังนั้น ทส. เสนอให้จัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และเสนอกลไกในการแก้ไขทั้งระดับชาติและระดับพื้นที่ โดยเน้นมาตรการ 5 ข้อ คือ 1 กำหนดพื้นที่เป้าหมาย 17 จังหวัดภาคเหนือเป็นหลัก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อีกทั้งกำหนดพื้นที่เป้าหมายหลักที่ประกอบด้วย ป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง ป่าสงวนแห่งชาติ 10 แห่ง และพื้นที่เกษตรที่เคยมีประวัติว่ามีการเผาไหม้ซ้ำซาก 2.สร้างกลไกการทำงานโดยให้ภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเพื่อลดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ 3.จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อสั่งการลงสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ 4.การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน 5.ยกระดับการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ให้เข้มข้นจากระดับภูมิภาคอาเซียนไปสู่การเจรจาระดับทวิภาคี

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ได้กำหนดเป้าหมายให้เป็นรูปธรรม และกำหนดเป็นตัวชี้วัด (เคพีไอ) ของผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดดังกล่าว คือการกำหนดตั้งเป้าว่าในพื้นที่เป้าหมายหลักจะต้องลดการเผาลง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพื้นที่เป้าหมายรองจะต้องตั้งเป้าลดการเผาลง 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพื้นที่เกษตรอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ให้ลดการเผาลง 10 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งเคพีไอนี้ ยังได้กำหนดว่าต้องมีค่าเฉลี่ยฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ในภาคเหนือ ต้องลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ กรุงเทพมหานครลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ ภาคอีสานลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ และภาคกลางลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจำนวนวันที่มีปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ในภาคเหนือต้องลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ กรุงเทพฯ ลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ ภาคอีสาน 5 เปอร์เซ็นต์ ภาคกลาง 10 เปอร์เซ็นต์

นายชัย กล่าวว่า สำหรับมาตรการหลักๆ ที่จะทำ ในภาคราชการจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานศูนย์ ทำหน้าที่คอยติดตามสถานการณ์ รวมถึงมีชุดปฏิบัติการระดับอำเภอและระดับตำบล ดำเนินการตรวจสอบไม่ให้มีการเผา แต่หากผู้ใดจะมีการเผา ต้องขออนุญาตก่อน ซึ่งจะต้องจัดคิวไม่ให้มีการเผาพร้อมกันในห้วงเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ภาคเอกชนนำตอซังข้าวและวัสดุทางการเกษตรไปทำเชื้อเพลิงหรือใช้เป็นอาหารสัตว์ ก็จะมีมาตรการส่งเสริมให้เอกชน เพื่อเป็นแรงจูงใจมีสิทธิพิเศษด้านภาษี รวมทั้งการอุดหนุนเรื่องของดอกเบี้ย