เมื่อเวลา 08.03 น. วันที่ 20 ธ.ค. 66 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ แทนพระองค์ ไปทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” (Hop to the bodies slams) และกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2566 ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี
เมื่อเสด็จฯ ถึงศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร พันเอก ปิยศักดิ์ สายธนู ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์, นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี, นายธีรเดช กิ่งแก้วจิรกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี, พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เฝ้าฯ รับเสด็จ จากนั้น พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นแท่นรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ เสร็จแล้ว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เมื่อเสด็จฯ ถึงพระบรมราชานุสาวรีย์ ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ ทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดเยี่ยม สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังพลับพลาที่ประทับลานสวนสนาม ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ณ ที่นั้น
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม, พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายทหารและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วพระราชทานพระราชวโรกาสให้ พันเอก จักรพงษ์ โพธิ์นาแค ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 13 กองพลทหารราบที่ 3 กราบบังคมทูลถวายรายงาน เสร็จแล้ว พลโท จิรศักดิ์ พรรังสฤษฏ์ เจ้ากรมสารบรรณทหาร เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรการจัดแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรีฯ
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรีฯ พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรีฯ โดยกำลังพลจากหน่วยที่ได้รับการคัดเลือกและจัดการแสดงสาธิตการฝึกของกองทัพไทย จำนวน 3 กรม HOP ประกอบด้วย กรม HOP กรมทหารราบที่ 13 กองพลทหารราบที่ 3, กรม HOP กรมทหารราบที่ 152 กองพลทหารราบที่ 15 และกรม HOP หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
การแข่งขันการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” มีหน่วยทหารเข้าร่วมการแข่งขันจากทุกเหล่าทัพ จำนวนทั้งสิ้น 22 กรม ใช้เวลาคัดเลือกเป็นเวลา 5 เดือน ส่วนการจัดการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ เพื่อให้การปฏิบัติของกองทหารเกียรติยศมีความเป็นมาตรฐาน มีความสง่างามและเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดี โดยมีหน่วยทหารเข้าร่วมการแข่งขันจากทุกเหล่าทัพ โดยคัดเลือกเข้าการแข่งขันในระดับกองทัพไทย จำนวน 8 หน่วย ใช้เวลาในการคัดเลือกเป็นเวลา 3 เดือน จนได้หน่วยที่ดีที่สุด
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลรายงานผลการแข่งขัน และเบิกผู้บังคับหน่วยที่ชนะเลิศการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” ได้แก่ กรมทหารราบที่ 13 กองพลทหารราบที่ 3 โดย พันเอก จักรพงษ์ โพธิ์นาแค ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 13 กองพลทหารราบที่ 3, รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ กรมทหารราบที่ 152 กองพลทหารราบที่ 15 โดย พันเอก พีรพงศ์ วัลลภาทิตย์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 152 กองพลทหารราบที่ 15 และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดย นาวาเอก ศักดา วัฒนธรรม ผู้บังคับการศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
และกราบบังคมทูลผลการแข่งขันและเบิกผู้บังคับหน่วยที่ชนะเลิศการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ได้แก่ กองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือกรุงเทพ โดย นาวาเอก พิทักษ์รัฐ นิลพฤกษ์ ผู้บังคับกองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือกรุงเทพ กองบัญชาการกองทัพเรือ และรองชนะเลิศ ได้แก่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 111 โดย พันโท ธเนษฐ ชัยวัฒนธรรม ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 111 เฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศ และรางวัลรองชนะเลิศ ตามลำดับ
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร เสด็จขึ้นแท่น ทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ จากนั้น ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จฯ กลับกรุงเทพฯ.