เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 ธ.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับการไต่สวนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ว่า เป็นไปตามที่ได้คาดหวังไว้และพอใจ ซึ่งได้มีการไต่สวนครบทุกประการ ในรายละเอียด ตนไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ เพราะจะกลายเป็นการละเมิดศาล แต่ในข้อเท็จจริง ตามที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอกันนั้น มี การยุติการประกอบการของไอทีวี ส่วนการเป็นผู้จัดการมรดกของตน ก็ได้มีการไต่สวนจากศาลและฝ่ายกฎหมายของผู้ร้องและผู้ถูกร้องอย่างครบถ้วน 

เมื่อถามว่ามีการประเมินน้ำหนักข้อมูลหลักฐานทางฝ่ายตนและผู้ร้องหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนชี้นำไม่ได้ แต่ที่พอจะพูดได้ก็คือตนรู้สึกพอใจ เป็นไปตามที่หวังไว้ทุกประการ ขั้นตอนต่อจากนี้ จะเป็นการนัดฟังคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเป็นวันไหนนั้น ต้องรอข้อมูลแจ้งจากทางศาล ทั้งนี้ ตนไม่ได้คาดหวังอะไรจากทางศาล แต่ก็มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม คำพิพากษาที่ออกมาก็หวังว่าจะได้กลับไปทำหน้าที่รับใช้ประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการถือหุ้นไอทีวี เป็นการถือแทนในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ใช่ถือหุ้นในฐานะทายาทโดยชอบธรรม เพราะตนได้สละเจตนาไปแล้วก่อนพรรคอนาคตใหม่ และมีการแบ่งปันมรดกกัน ส่วนรายละเอียดคงตอบมากกว่านี้ไม่ได้

เมื่อถามว่ามีการมองว่า ถึงไอทีวีจะไม่ได้ทำสื่อแล้ว แต่ก็สามารถกลับมาทำสื่ออีกได้นั้น นายพิธา กล่าวว่า ถ้าตามเอกสาร ต้องดูที่ประธานไอทีวี เคยพูดคุยกันในการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2558-2560 ส่วนในรายละเอียดถามนายคิมห์ สิริทวีชัย ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี น่าจะเหมาะสมกว่า ตนพูดแทนไม่ได้ แต่ตามเอกสารที่ออกมา ก็จะจะเห็นว่ามีการยุติการประกอบธุรกิจตั้ง 2550 และคลื่นก็ไปอยู่ที่ไทยพีบีเอส ส่วนใบอนุญาตไม่มีแล้ว เพราะฉะนั้นการจะกลับมาประกอบกิจการเดิม ก็ยังมีเรื่องคดีความเดิมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่ศาลปกครองสูงสุด

เมื่อถามว่าเมื่อพ้นข้อกล่าวหา พร้อมที่จะกลับมาทำงานการเมืองทันทีเลยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า แน่นอน