น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 33.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าที่สุดในรอบ 4 ปี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาอาจเริ่มชะลอวงเงินซื้อสินทรัพย์ผ่านมาตรการ QE ในช่วงเดือน พ.ย. และสิ้นสุดลงในกลางปี 65 รวมทั้งมีความเป็นไปได้อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐในปี 65

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เงินบาทที่อ่อนค่าลงน่าจะสะท้อนข่าวการทำ QE tapering ของเฟดไปค่อนข้างมากพอสมควรแล้ว ซึ่งทำให้โอกาสการอ่อนค่าเพิ่มเติมของเงินบาทในระยะข้างหน้าจะขึ้นอยู่กับว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และข้อมูลตลาดแรงงานจะออกมาดีกว่าคาดหรือไม่ เพียงใด แต่ในทางตรงกันข้าม หากตัวเลขเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ออกมาต่ำกว่าคาด เงินดอลลาร์ ก็อาจจะย่อตัวลงมาได้เช่นกัน

สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 64 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จุดจับตาสำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปี 64 จะอยู่ที่ 2 เรื่องหลักๆ คือ 1.การปรับลดมาตรการ QE ของเฟด และ 2.สถานการณ์โควิด-19 และการเร่งฉีดวัคซีนในประเทศ โดยหากประเมินภาพจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐ และไทยแล้ว สัญญาณการเตรียมถอนตัวออกจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐ ก่อนสิ้นปี 2564 เป็นปัจจัยสำคัญที่จะหนุนให้เงินดอลลาร์ มีทิศทางแข็งค่าขึ้น

ทำให้เงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่ากว่าระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ เป็นส่วนใหญ่ในช่วงที่เหลือของปี ดังนั้นแล้ว หากพัฒนาการของเรื่องราวต่างๆ ทำให้เงินบาทโน้มอ่อนค่าชัดเจนขึ้น ผู้นำเข้าอาจต้องพิจารณาทยอยทำสัญญาฟอร์เวิร์ดเพื่อซื้อดอลลาร์ ล่วงหน้า เพื่อบรรเทาผลกระทบบางส่วนต่อมาร์จิน เป็นต้น