เมื่อวันที่ 23กันยายน 2564 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2564 ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI  มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนเพิ่มเติม49% ในโรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok การจำหน่ายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นและการเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก บริษัท ผาแดง อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เป็น “บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (Bound and Beyond Public Company Limited)” โดยมีชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่​ “BEYOND” เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับภาพลักษณ์และสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ของบริษัท

นายทอมมี่​ เตชะอุบล กรรมการผู้จัดการ กล่าวในนามของคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร​ “บริษัทขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้นที่พิจารณาอนุมัติทุกวาระและให้การสนับสนุนวิสัยทัศน์และทิศทางใหม่ของบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าลงทุนเพิ่ม 49% ในบริษัท เออร์เบิร์น รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด (URH) และ บริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จำกัด (WFH) จากบริษัทแลนด์มาร์ค โฮลดิ้งส์ จำกัด (LH) เพื่อเข้าเป็นเจ้าของโรงแรมชั้นนำอย่าง​ Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok ซึ่งทั้ง 2 โรงแรมเป็นโรงแรมเปิดใหม่สุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยมากมาย บริหารจัดการโดยเครือโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Four Seasons และ Capella และได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้วหลายรายการ โดยล่าสุด Capella Bangkok ได้รับรางวัลอันดับ 4 Best Hotel in the World จาก Travel+ Leisure’s 2021”

พร้อมกันนี้ ผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็นบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)(Bound and Beyond Public Company Limited) โดยมีชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ว่า​ “BEYOND” เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจและทิศทางของบริษัทที่จะดำเนินต่อไปในอนาคตและสะท้อนความเหนือระดับของการก้าวเป็นเจ้าของและผู้บริหารโรงแรมดังระดับโลก

“จากเดิมที่บริษัทเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานและสาธารณูปโภคได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ผันตัวมาทำธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มตัว ภายใต้ชื่อใหม่​ “BEYOND” โดยเริ่มต้นธุรกิจนี้ด้วยการเข้าลงทุนในโรงแรมหรูชั้นนำอย่าง​ Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok ซึ่งเป็นการปูทางให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมของประเทศไทยนอกจากนี้ในอนาคต BEYOND จะพัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์และการบริหารของตนเองโดยโครงการแรกอยู่ที่ย่านธุรกิจสำคัญอย่างถนนสาธร มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500​ ล้านบาท ธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรมเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยซึ่งได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก บริษัทได้ประเมินว่าช่วงสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอยู่ในช่วงซบเซานี้เป็นโอกาสทองให้เราได้ของดีในราคาที่คุ้มค่าต่อบริษัทโดยขณะนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ผู้คนเริ่มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศบริษัทเชื่อว่าหลังจากที่สถานการณ์โควิดทุเลาลงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการโรงแรมจะกลับมาโตอย่างน่าจับตามอง” นายทอมมี กล่าวเสริม          

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติขายกิจการบริษัทพีดีไอ เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PDIE) ให้แก่บริษัท บาฟส์ คลีนเอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) มูลค่ารวม ประมาณ 768 ล้านบาท โดย PDIE เป็นเจ้าของเงินลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่งในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตรวม 13 เมกะวัตต์ โดยเมื่อวัน 1 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการขายกิจการโรงไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศไทยกำลังการผลิตรวม 36.4 เมกะวัตต์ ให้กับ BC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับเงินสดเข้ามากว่า​ 1,704.67 ล้านบาท เงินสดรับจากการขายโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ในการเตรียมความพร้อมทางด้านเงินสดให้แก่บริษัท ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระและเตรียมความพร้อมด้านเงินลงทุนสำหรับเข้าลงทุนในธุรกิจโรงแรมในอนาคตต่อไป