เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายชี้ว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2567 โดยเปรียบเทียบการจัดสรรเงินงบประมาณย้อนหลังไป 30 ปี ที่พบว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปี 2567 สูงถึง 3.48 ล้านล้านบาท แต่ถือเป็นเรื่องปกติของการจัดทำงบประมาณ ซึ่งการทำงบประมาณปี 2567 แตกต่างจากงบประมาณปีอื่นๆ เนื่องจากมีกฎหมายค้ำอยู่ 4 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญปี 2560 พ.ร.บ.วิธีพิจารณางบประมาณปี 2561 พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และข้อบังคับการประชุมสภา 2562 แต่สิ่งที่ต้องสอดคล้องคือแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บทของประเทศ รวมถึงสำนักงบประมาณ
“ผมขอให้ฉายางบประมาณฉบับนี้ว่า เป็นงบประมาณฉบับไฮบริด เพราะเป็นกฎหมายงบประมาณที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เกิดการยุบสภาไปเสียก่อน กระทั่งวันที่ 2 ก.ย. 2566 มีรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน จึงได้นำร่างเดิมของรัฐบาลชุดก่อนมาพิจารณาปรับปรุง โดยมีสำนักงบประมาณตั้งเรื่อง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ชงและรัฐบาลนายเศรษฐา ตบ และงบประมาณปี 2567 มีอายุสั้น เพราะคาดว่างบประมาณจะมีผลบังคับใช้ประมาณเดือน พ.ค.67 มีเวลาใช้จ่ายเพียง 5 เดือนเท่านั้น กับจำนวนงบประมาณที่มากถึง 3.48 ล้านล้านบาท หากเป็นโครงการใหญ่ ใช้ระยะเวลายาวนาน หรือเจออุปสรรคพายุฝน น้ำท่วม จะทำอย่างไร พร้อมฝากนายกฯ ให้กำชับกรมบัญชีกลางให้เร่งดำเนินการทุกอย่างล่วงหน้าในไตรมาสที่ 2 อย่ารอให้ถึงไตรมาส 3-4 เพราะทราบกันล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดปัญหาและอุปสรรคในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ” นายณัฏฐ์ชนน กล่าว.