เมื่อวันที่ 24 ก.ย. รายงานข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ในการระชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันที่ 27 ก.ย. เวลา 10.30 น. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานเตรียมพิจารณาขยายการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่อไปอีก 2 เดือน จากเดิมสิ้นสุดปลายเดือน ก.ย. รวมถึงเตรียมพิจารณาปรับช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) จาก 21.00-04.00 น. เป็นเวลา 22.00-04.00 น.

นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค.เตรียมพิจารณาข้อเสนอให้ผ่อนคลายกิจการกิจกรรม 10 ประเภท ได้แก่ 1. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และวัยก่อนเรียน 2. ห้องสมุดสาธารณะ/เอกชน/ชุมชน 3.พิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน 4.ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม หอศิลป์ 5.การแข่งขันหรือเล่นกีฬาในร่มหรือในห้องที่มีระบบปรับอากาศ กิจการฟิตเนส 6.ร้านทำเล็บ 7.ร้านสัก 8.ร้านนวด สปาเพื่อสุขภาพ 9.โรงภาพยนตร์ และ 10.การเล่นดนตรีในร้านอาหาร ทั้งนี้ผู้ประกอบการต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงระบบหมุนเวียนอากาศ รวมถึงจัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร หรือ Covid Free Setting ก่อนเปิดกิจการ ขณะที่ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สถานที่กลุ่มกีฬากลางแจ้งหรือที่ร่มต้องมีสภาพโล่งและอากาศถ่ายเทสะดวก อีกทั้งอนุญาตให้มีการซ้อมกีฬาของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกประเภท รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด และตลาดนัด (เฉพาะที่จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค) ขยายเวลาเปิดให้บริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.

ที่ประชุม ศบค. เตรียมพิจารณาตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอปรับลดระยะเวลาในการกักกันการทำกิจกรรมในสถานที่กักกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 โดยผู้ที่มาจากต่างประเทศแล้วเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทุกช่องทาง โดยมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 14 วัน ให้กักตัวอย่างน้อย 7 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 0-1 และครั้งที่ 2 วันที่ 6-7 ส่วนผู้เข้าราชอาณาจักรผ่านช่องทางอากาศ โดยไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ต้องกักตัวอย่างน้อย 10 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรก วันที่ 0-1 ครั้งที่ 2 วันที่ 8-9 และผู้ที่เข้าราชอาณาจักรช่องทางบก โดยไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 0-1 ครั้งที่ 2 วันที่ 12-13

สำหรับกรณีของผู้เข้าพักที่โรงแรมกักตัวทางเลือก (Alternative Quarantine-AQ) จะได้รับอนุญาตให้สามารถออกกำลังกายกลางแจ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน สั่งซื้อสินค้าหรืออาหารจากภายนอก และประชุมสำหรับนักธุรกิจระยะสั้น ส่วนการเข้าพักในสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine-SQ) หรือการกักกันผู้เดินทางในสถานที่เอกเทศซึ่งดำเนินการโดยองค์กรหรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน (Organizational Quarantine-OQ) นั้น จะได้รับอนุญาตให้สามารถออกกำลังกายกลางแจ้ง สั่งซื้อสินค้าหรืออาหารจากภายนอกได้เช่นกัน

อีกทั้ง ที่ประชุม ศบค.เตรียมพิจารณาการเลื่อนกำหนดการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง (แซนด์บ็อกซ์) ในพื้นที่ 5 จังหวัด (กรุงเทพฯ, ชลบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, เชียงใหม่ ) จากวันที่ 1 ต.ค. เลื่อนไปเป็นวันที่ 1 พ.ย. รวมถึงจะพิจารณาแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวพื้นที่สีฟ้าซึ่งเป็นการเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งจังหวัด โดยมีรูปแบบการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับลักษณะและความพร้อมของพื้นที่ ซึ่งสามารถท่องเที่ยวได้ เฉพาะสถานที่หรือพื้นที่ หรือระหว่างสถานที่หรือพื้นที่โดยมีการเดินทางแบบควบคุม (Sealed Route) ในรูปแบบบับเบิลแอนด์ซีล ทั้งนี้ต้องมีแผนเตรียมการและทรัพยากรรองรับสถานการณ์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค พร้อมกับสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่.