เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ สว. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการฯ ได้ล่ารายชื่อ ส.ว. จำนวน 1 ใน 3 เพื่อยื่นอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 153 มองว่าจะสามารถรวบรวม สว. ได้ครบทั้ง 84 คนหรือไม่ ว่าเท่าที่ดูบรรยากาศก็ยังไม่ตูมตามเปรี้ยงปร้าง ยังเกิดความคิดอยู่ใน 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ 1 โอเคพร้อมที่จะเดินเครื่องอภิปรายฯ เป็นแกนนำจาก กมธ.พัฒนาการเมือง และนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. และคณะ ได้มีการเชิญชวน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพลเรือน หรืออาจจะเรียกว่าเป็นกลุ่มอิสระ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่มีท่าทีชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่ารัฐบาลเพิ่งจะเริ่มทำงาน 3-4 เดือน งบประมาณยังไม่ได้ใช้ ไม่เห็นว่าจะต้องรีบอภิปรายฯ เรื่องที่ต้องการพูด หรือมีการกล่าว ที่ต้องการให้รัฐบาลชี้แจงนั้น บางเรื่องยังไม่ได้ทำ และบางเรื่องก็เป็นของรัฐบาลที่แล้ว รวมทั้งเขาคิดว่ารัฐบาลที่แล้ว สว. ไม่เปิดอภิปรายฯ ขืนเปิดอภิปรายฯ จะถูกกล่าวหาหรือถูกโจมตี มันจะเสียกว่าได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้ก็มีท่าทีค่อนข้างชัดว่าไม่เห็นด้วย และกลุ่มที่ 3 เท่าที่ดู ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่และเป็นกลุ่มกลางๆ รอดูสถานการณ์ บรรยากาศยังเก็บตัวเงียบอยู่
“เท่าที่ผมประเมินภาพรวมในขณะนี้ 84 เสียง ณ วันนี้และวันต่อๆ ไป ไม่ง่ายนัก ต้องยอมรับว่ากลุ่มใหญ่ที่คุมเสียง และดูจาก สว. ส่วนใหญ่มาจากทหาร ถ้าทหารไม่ขยับ ซึ่งทหารเป็นพวกกลุ่มก้อนใหญ่ ฉะนั้นกลุ่มนี้เท่าที่ผมดูท่าที ยังไม่มีท่าทีขยับอะไร ดังนั้นถ้าท่าทีกลุ่มนี้ไม่ขับเคลื่อนเมื่อไร ก็ยาก หากถามว่ากลุ่มสายพลเรือนที่เป็นอิสระ ก็แตกทางความคิดกระจัดกระจาย ไม่ได้มีพลัง ถึงขนาด 84 เสียงอยู่ในตัว ฉะนั้นท่าทีที่ปรากฏจึงเป็นในลักษณะอย่างนี้ และโดยพื้นที่ฐานเท่าที่ผมทำงานการเมืองมา กลุ่มใดที่มีอำนาจกระแสทางการเมืองก็จะไปทางนั้น และบางคนบอกว่าเรากำลังจะหมดหน้าที่อยู่แล้ว เราไม่น่าไปมีท่าทีในการอภิปราย ซึ่งบางคนมองว่ามาตรานี้เป็นเรื่องที่ให้รัฐบาลมาชี้แจงเท่านั้น แต่บางคนบอกว่า ท่าทีอย่างนี้เราจะไปหาเรื่องทำไม เพราะเรากำลังจะกลับบ้านกันอยู่แล้ว” นายวันชัย กล่าว
เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวนายวันชัย อยู่กลุ่มไหน นายวันชัย กล่าวว่า ตนยังอยู่กลางๆ อยู่ ขอดูท่าที ยังไม่ถึงขนาดว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และขอดูบรรยากาศสักระยะหนึ่ง รวมทั้งในมาตราดังกล่าว เมื่อวานในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ มีการถกกันว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ต้องให้คณะรัฐมนตรีชี้แจง แต่ถ้าถึงขนาดมีประเด็น 7-9 เรื่อง เรามองดูว่ายังไม่มีพลังเพียงพอ เพราะจะต้องเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น และก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างกรณีเงินดิจิทัลวอลเล็ตก็ยังไม่ได้ใช้ และยังไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือไม่ เป็นเรื่องที่กล่าวหากันไป ฉะนั้นเรายังมีความเห็นว่า การอภิปรายฯ ควรเป็นประเด็นที่พูดเรื่องนี้แล้วมันใช่
เมื่อถามว่าแสดงว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ นายวันชัย กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้นเพราะยังมีเวลา และเท่าที่ดูคณะทำงานเรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร เพราะตอนนี้เพิ่งเดือน ม.ค. ยังมีเดือน ก.พ. และ มี.ค. อีก จึงมีเวลาทันที่จะเดินงานประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง และไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนครึ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ รัฐบาลจะมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้าสถานการณ์ของรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ บกพร่อง อย่างจริงจัง ก็อาจจะทำให้คนร่วมลงชื่อมากขึ้นก็ได้ แต่ในสถานการณ์ที่ยังทรงๆ อยู่ขณะนี้ มองดูแล้วยังไม่ค่อยง่ายนัก.