นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือน ส.ค.64 มีมูลค่า 21,976 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น  8.93% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค.63 ส่วนการนำเข้า 23,191 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 47.92% คิดเป็นเงินบาท 765,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.20% ขาดดุลการค้า 1,215.66 ล้านดอลลาร์ หรือ 49,832 ล้านบาท ขณะที่ยอดรวมช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 176,961 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 15.25% เทียบช่วงเดียวกันของปี 63 การนำเข้า 175,554 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 30.97% คิดเป็นเงินบาท 5.476 ล้านล้านบาท เพิ่ม 29.52% ได้ดุลการค้า 1,406 ล้านดอลลาร์ แต่คิดเป็นเงินบาทขาดดุล 34,909 ล้านบาท

“แม้ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค.ยังขยายตัวสูง แต่ชะลอลงจากเดือน ก.ค.ที่มีมูลค่า 22,650 ล้านดอลลาร์ เป็นผลจากการล็อกดาวน์ และการปิดโรงงานผลิตชั่วคราว เพราะพนักงานติดเชื้อโควิด ซึ่งเป็นผลกระทบที่คาดไว้แล้ว และจะกระทบต่อเนื่องถึงเดือน ก.ย. แต่การล็อกดาวน์ไม่ใช่ความผิดของใครเป็นนโยบายที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อมีการติดเชื้อมาก สุขภาพและความปลอดภัยของคนต้องมาก่อน แม้จะต้องแลกด้วยการปิดโรงงาน” 

นายจุรินทร์กล่าวว่า ปีนี้การส่งออกไทยจะขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% เพราะเพียง 8 เดือนก็ขยายตัวกว่า 15% แล้ว และจากการสอบถามภาคเอกชน ก็เห็นว่า น่าจะเติบโตได้เกินกว่า 10% ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งเดินหน้ากิจกรรมส่งเสริมการส่งออกกว่า 130 กิจกรรมในช่วงที่เหลือของปี เร่งเปิดด่านการค้าชายแดน จับมือภาคเอกชนแก้ปัญหาเชิงรุก เพื่อให้การส่งออกขยายตัวได้มากที่สุด

สำหรับปัจจัยที่ทำให้การส่งออกขยายตัวได้ดี เพราะเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าสำคัญฟื้นตัวแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้การแข่งขันด้านราคาของไทยดีขึ้น ส่วนสินค้าที่ส่งออกขยายตัวได้ดี  มีทั้งสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม ทั้งผลิตภัณฑ์ยางพารา ผลไม้สด แช่แข็งและแปรรูป อาหารกลุ่มต่างๆ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ข้าว, รถยนต์และส่วนประกอบ และตลาดยังขยายตัวได้ดีในทุกตลาด