เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่าย 15 สถาบันการศึกษาด้านการจัดการภัยพิบัติ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์พายุขณะนี้จะทำให้มีฝนตกหนักบริเวณพื้นที่ใต้เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิต์​ และ เขื่อนแควน้อย เป็นหลัก โดยมีสาเหตุอันเนื่องมาจากร่องฝนยังวิ่งไปมาแถว ๆ ภาคกลางและ กทม. ซึ่งเหตุการณ์อาจจะวิกฤติหนักขึ้นไปอีก ถ้าหากน้ำเหนือเขื่อนไหลลงมาผสมกับน้ำฝนที่ตกในบริเวณพื้นที่ใต้เขื่อนเกิดเป็นภาวะเจ้าพระยาล้นตลิ่ง

ตามแผนของกรมชลประทานที่ร่างไว้นั้น จะช่วยตัดยอดน้ำเหนือก่อนถึงเขื่อนเจ้าพระยาให้ลดลงเหลือไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เมื่อมาผสมกับน้ำฝนตกในลุ่มน้ำตอนล่างจะมีปริมาณน้ำรวมกันไม่เกิน 4,000  ซึ่งในปริมาณนี้คันของ กทม. ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายังพอรับมือไหว ไม่ทำให้เกิดการเอ่อล้นฝั่งได้ จึงขอหนุนให้กรมชลประทาน สามารถตัดยอดน้ำเหนือเขื่อนก่อนไหลลงสู่ พระนครศรีอยุธยา​ ปทุมธานี นนทบุรี และ​ กทม.ให้ได้ ซึ่งจะช่วยให้บ้านเรือนสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาพ้นจากวิกฤติน้ำเอ่อล้นครั้งนี้ไปได้

ประธานเครือข่าย 15 สถาบันการศึกษาด้านการจัดการภัยพิบัติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท ขอประชาชนริมฝั่งเจ้าพระยาในทุกจังหวัด รวมทั้งเขตบางพลัด บางกอกน้อย บางซื่อ ดุสิต เตรียมพร้อมเฝ้าระวังติดตามข่าวสาร สังเกตปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากเขื่อน และติดตามปริมาณฝนที่ตกในลุ่มน้ำตอนล่างนี้ประกอบด้วย เพื่อเตรียมการย้ายสิ่งของหากมีความจำเป็นเกิดขึ้น.