เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 31 ม.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายสุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ สส.กทม.พรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล เพื่อกำหนดแนวทาง แก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย และนพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ร่วมเสนอญัตติที่มีเนื้อหาในทำนองเดียวกันอีก 2 ญัตติ เพื่อพิจารณาไปพร้อมกัน โดยนายสุภกร กล่าวว่า กรณีความรุนแรงในโรงเรียนมัธยม ย่านพัฒนาการ กรณีตะลุมบอนกลางโรงอาหารของนักเรียนที่จ.ชลบุรี และกรณีครูลงโทษเด็กนักเรียนอย่างพิสดาร จ.สมุทรปราการ แสดงให้เห็นความรุนแรงแฝงตัวอยู่ในโรงเรียน มาจกระบอบอำนาจนิยมที่กดทับเด็ก สะสม บีบคั้นเด็กทุกวัน รวมถึงการบลูลี่ในโรงเรียน สั่งสมเป็นความเครียด นำมาสู่การระเบิดอารมณ์แก้แค้นกัน เป็นปัญหาใหญ่ที่สภาฯควรหันมาใส่ใจหาทางออก ให้โรงเรียนกลับมาเป็นพื้นที่ปลอดภัยของนักเรียน เป็นสถานที่ที่พ่อแม่ไว้วางใจ ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะช่วงเวลาที่เกิดเหตุ แต่การศึกษาและวิจัยจำนวนมากพบว่าการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนจะสร้างบาดแผลระยะยาวต่อร่างกายและจิตใจ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้ถูกกระทำ ต้องโทษฝ่ายบริหารที่ไม่ให้ความสำคัญไม่สนใจเรื่องนี้เลย ไม่มีนโยบายชัดเจนทำให้โรงเรียนปลอดภัย

  ขณะที่น.ส.ธีรรัตน์  สำเร็จวณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนสร้างความสะเทือนใจอย่างมาก ต้องหาแนวทางป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากผลรายงานการวิจัยโครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัด สำรวจเด็ก 1.5แสนคนทั่วประเทศ พบนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา อาชีวะศึกษา ปวช. ปวส. โดย 1ใน10 ประมาณ 7หมื่นคน ตกอยู่ในวังวนการใช้กำลังความรุนแรง ใช้กำลังระหว่างเพื่อนด้วยกัน หรือไซเบอร์บูลลี่ หลายครั้งนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง นอกจากเหตุการณ์นักเรียนเป็นผู้กระทำแล้ว ยังมีกรณีตำรวจล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนหญิงขณะเดินทางไปโรงเรียน เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย สภาฯและรัฐบาลต้องร่วมมือหาแนวทางป้องกันเหตุร้าย ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ถึงเวลาหยุดความรุนแรงในโรงเรียน สร้างในโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย.