เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ในช่วงบ่าย ที่สะพานชมัยมรุเชษฐ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ว่าได้มีการจัดกิจกรรม “ใส่รองเท้าผ้าใบ ไปสะพานชมัยมรุเชฐ” เป็นวันที่สอง โดยมีกิจกรรมการแสดงดนตรี และแกนนำสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยเรียกร้องให้ดำเนินการนำนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

โดยนายนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เปิดเผยว่า รูปแบบการจัดกิจกรรมในวันนี้ แกนนำจะสลับกันขึ้นปราศรัย โดยย้ำจุดยืนทวงคืนระบบยุติธรรม ทวงคืนเรือนจำให้นายทักษิณ เพราะตั้งแต่เดินทางกลับประเทศไทย ยังไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว และในวันที่ 22 ก.พ. นี้ จะครบ 6 เดือนที่นายทักษิณ อยู่นอกเรือนจำ โดย คปท. และเครือข่าย อยู่ระหว่างรวบรวม 2 หมื่นรายชื่อ ยื่นต่อประธานสภา ให้ทันวันที่ 22 ก.พ. นี้ ซึ่งขณะนี้รวบรวมได้เกือบ 1 หมื่นรายชื่อแล้ว

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ขณะที่ในวันอังคารที่ 6 ก.พ. นี้ จะยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เพื่อให้สั่งการในฐานะนายกรัฐมนตรี ตามที่เคยประกาศว่า ในฐานะผู้บริหารประเทศจะปฏิบัติด้วยหลักนิติรัฐนิติธรรม แต่กลับให้มีกรณีเช่นนี้ขึ้น ซึ่งเป็นการทำลายระบบนิติรัฐ นิติธรรม นายกรัฐมนตรีไม่ควรลอยตัวเหนือปัญหา นอกจากนี้ เตรียมเดินทางไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อสอบถามความคืบหน้า เพราะเป็นองค์กรอิสระเดียวที่ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ขณะเดียวกัน คปท. ยังมีการระดมทุนเพื่อจัดหากล้องวงจรปิดส่งมอบให้โรงพยาบาลตำรวจ หลังจากที่อ้างว่ากล้องวงจรปิดบริเวณชั้น 14 เสียทั้งหมด

นายพิชิต กล่าวว่า สำหรับกำหนดการจัดกิจกรรมที่ขณะนี้มีการขออนุญาตไว้ 30 วัน จะมีการประเมินอีกครั้งตามสถานการณ์ ส่วนจะยกระดับการชุมนุมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งหากสุดท้ายแล้วนายทักษิณ ได้รับการพักโทษและถูกปล่อยตัวออกมา โดยไม่เคยติดคุก จะมีการเอาผิดข้าราชการที่มีส่วนช่วยเหลือทั้งหมด เพื่อให้เกิดความยำเกรงต่อกฎหมาย และต้องมีการยกระดับการทำกิจกรรมแน่นอน ซึ่งเครือข่ายต่างๆ ก็ตอบรับพร้อมที่จะเข้าร่วม ทั้งกลุ่ม กปปส. และพันธมิตรฯ ที่รับปากว่าจะร่วมขึ้นเวทีปราศรัยด้วย อย่างไรก็ตาม การทำกิจกรรมครั้งนี้ ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังหน่วยราชการรอบพื้นที่ชุมนุมแล้ว โดยในช่วงเวลาราชการ จะงดทำกิจกรรมที่ใช้เสียง.