นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เร่งรัดให้ สคบ. ปรับปรุงเว็บว็บไซต์เพื่อดึงร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าจดทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงหรือร้านค้าออนไลน์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ เพราะหากเกิดกรณีผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าแล้วได้รับสินค้าไม่ตรงตามสรรพคุณที่โฆษณาจะทำให้ทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบผู้กระทำผิดได้มาชดใช้ค่าเสียหาย
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มโครงผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สคบ. อยู่ระหว่างการปรับปรุงเว็บไซต์การจดทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่ออัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีข้อมูลประกอบธุรกิจขายตรงอยู่ในระบบที่อัพเดตบนเว็บไซต์แล้ว จำนวน 877 ราย และผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง จำนวน 661 กว่าราย และยังมีผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงที่ยื่นจดทะเบียนที่ที่สำนักงานคณะกรรมการผู้บริโภคหรือระบบออฟไลน์อยู่จำนวนมากที่ยังไม่ได้คีย์ข้อมูลลงระบบ เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีจำกัดทำให้ไม่สามารถคีย์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
สคบ. จึงได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 67 เพื่อจัดจ้างบริษัทเอกชนคีย์ข้อมูลลงระบบเพื่อให้ข้อมูลเกิดการอัพเดตได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ทั้ง สคบ. จะนำร่องในสองแพลตฟอร์มหลัก อย่างลาซาด้าและชอปปี้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ มีร้านค้าออนไลน์และผู้บริโภคเข้าใช้เป็นจำนวนมาก ก่อนขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ให้มีความครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและป้องกันการเอารัดเอากับผู้บริโภคในยุคที่ผู้คนหันมาสั่งสินค้าออนไลน์มากขึ้น
ทั้งนี้การรับร้องเรียนสินค้าและบริการในไตรมาสสามปี 66 ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีจำนวน 6,305 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 4.3% โดยด้านที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุดคือ ด้านขายตรงและตลาดแบบตรง รองลงมาเป็นด้านฉลาก ด้านสัญญา และด้านโฆษณา ตามลำดับ โดยสินค้าและบริการที่ได้รับร้องเรียนสูงสุด คือ กลุ่มสินค้าและบริการทั่วไป 1,825 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็น การร้องเรียนให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสินค้าและบริการ รองลงมาเป็นผู้ประกอบการทั่วไป 771 เรื่อง เนื่องจากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการ และรถยนต์ 435 เรื่อง ส่วนมากเป็นเรื่องการชำรุด เป็นต้น
“หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่าพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของคนไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงการสั่งซื้อสินออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามไป ส่วนหนึ่งมากจากสะดวกสบาย จัดส่งถึงที่ ราคาย่อมย่อมเยา มีให้เลือกได้หลากหลาย แต่ปัญหาคือร้านค้าบนออนไลน์หลายแห่งยังไม่ได้จะเบียนการค้ากับ สคบ. ทำให้เวลาเกิดปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าไม่ตรงตามที่อวดอ้างสรรพคุณ หรือสินค้าเกิดการชำรุดไม่สามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดได้ ดังนั้นการดึงผู้ประกอบการเข้ามาในระบบจะช่วยให้ผู้ประกอบการติดตามได้ง่ายขึ้นกรณีเกิดการกระทำความผิดหรือการขอคืนสินค้าหากไม่ตรงตามที่โฆษณา นอกจากนั้นยังมีการว่างเงินหลักประกันเพื่อสร้างความมั่นให้กับผู้บริโภคอีกด้วย”