สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่า ทางการฝรั่งเศสประกาศระงับนโยบายลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืชภายในปี 2573 ให้เหลือครึ่งหนึ่งของระดับในปี 2558–2560 หลังเกษตรกรในฝรั่งเศส ตั้งสิ่งกีดขวางบนถนนเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ เพื่อประท้วงแผนการดังกล่าว ในการหยุดพึ่งพายาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืช
ผู้ประท้วงกล่าวว่า แผนของรัฐบาลเป็นอุปสรรคต่อการหาเลี้ยงชีพ เนื่องจากพวกเขาต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูก จากประเทศที่มีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดน้อยกว่า ตลอดจนไม่มีตัวเลือกอื่นที่ใช้แทนยาฆ่าแมลงได้
French govt under fire for putting pesticide phase-out on hold https://t.co/VUWyFWO0b8
— The Local France (@TheLocalFrance) February 3, 2024
แม้นักการเมืองจากพรรคฝ่ายซ้าย และพรรคกรีนส์ รวมถึงองค์กรอิสระ (เอ็นจีโอ) หลายแห่ง ประณามการประกาศข้างต้น แต่นางพริสกา เทเวโนต์ โฆษกของรัฐบาลฝรั่งเศส แก้ต่างว่า มาตรการลดการใช้ยาฆ่าแมลงที่ดำเนินมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้ผล และจำเป็นต้องคิดใหม่ เพื่อทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า แผนดังกล่าวเป็นการสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษ
“เกษตรกรต้องการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากกว่าใคร เพราะพวกเขาคือเหยื่อกลุ่มแรก และเราต้องสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงลงทุนอย่างมหาศาล เพื่อหาวิธีแก้ปัญหารูปแบบอื่น” เทเวโนต์ กล่าวเพิ่มเติม โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่า สิ่งเหล่านั้นคืออะไร
ด้านนายอาร์โนด์ รุสโซ หัวหน้าของ “เอฟเอ็นเอสอีเอ” ซึ่งเป็นสหภาพชนบทขนาดใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส กล่าวว่า มาตรการระงับการลดการใช้ยาฆ่าแมลง “จะช่วยสร้างความไว้วางใจอีกครั้ง” ระหว่างภาคส่วนเกษตรกรรมกับรัฐ แต่เขายอมรับว่า มันจะต้องใช้เวลา ในการหาวิธีจูงใจทุกคนในภาคส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม บรรดานักสิ่งแวดล้อมต่างวิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยกล่าวหาว่าเป็นการวางยาพิษเกษตรกรในประเทศ พร้อมกับชี้ว่า ภาคส่วนเกษตรกรรมต้องก้าวไปสู่โมเดลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติฝรั่งเศสบางคน กล่าวว่า การตัดสินใจข้างต้นเป็น “ความบ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง” จากมุมมองของสิ่งแวดล้อม.
เครดิตภาพ : AFP