จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความว่า “ตอนไป ตอนกลับ #โดนลูกค้าเอายาใส่แก้วเบียร์ #บทเรียนมากๆ#เตือนภัยคนที่ทำงานกลางคืน” พร้อมกันนี้ก็ได้โพสต์ภาพของตนเอง โดยเป็นภาพก่อนที่จะไปทำงาน และภาพของตนเองที่นอนหมดสติ โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาร่วมกตัญญูกำลังให้การช่วยเหลือ
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้โพสต์ ทราบชื่อต่อมา น.ส.มาย (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี โดยเปิดเผยว่า ตนทำงานหารายได้พิเศษเป็นพนักงานส่งเสริมการขายเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง ในวันเกิดเหตุคือคืนวันที่ 3 ก.พ. 2567 ตนได้ไปทำงานส่งเสริมการขายที่ร้านอาหารเปิดใหม่ร้านหนึ่ง ในพื้นที่ อ.หล่มสัก โดยทางร้านได้จัดมินิคอนเสิร์ตเพื่อโปรโมตร้าน และระหว่างที่ทำงานอยู่นั้น ก็ได้มีลูกค้าชายซึ่งมาด้วยกัน 3 คน นั่งดื่มกิน โดยตนก็ได้ไปเทคแคร์ดูแลรินเครื่องดื่มให้ด้วย ต่อมาหนึ่งในลูกค้าได้ให้ตนเองไปเอาแก้วเปล่ามา 1 ใบ พร้อมกับรินเบียร์จนเต็มแก้วแล้วก็ยื่นให้ตนเองดื่ม ตนดื่มได้ครึ่งแก้ว จากนั้นลูกค้าก็ใช้ให้ตนไปซื้อของที่บาร์หลายครั้ง รวมทั้งตนเองก็เดินไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นๆ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวก็เรียกตนกลับให้มาชงเหล้าให้อีก พร้อมทั้งรินเบียร์ให้กินอีก กระทั่งแก้วสุดท้ายเริ่มมีอาการเวียนหัวอย่างผิดปกติ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวก็ใช้ให้ตนไปซื้อของที่บาร์อีกตนจึงถือแก้วไปด้วย เมื่อถึงจุดที่มีแสงสว่าง จึงได้สังเกตที่แก้วพบว่ามีตะกอนอยู่ก้นแก้ว ก็เลยเรียกพี่ที่ไปทำงานด้วยมาดู จึงรู้ว่าน่าจะผิดปกติแล้ว จึงได้เอาช้อนตักขึ้นมาดูพบว่า มีลักษณะเป็นเกล็ดคล้ายเม็ดยาที่ละลายไม่หมด แต่ดูได้สักพักก็เริ่มมีอาการเวียนหัวหนักขึ้น ร่างกายอ่อนแรง ยืนไม่ไหว แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หัวใจเต้นเร็ว มือเท้าชา จึงให้เพื่อนโทรฯ เรียกรถกู้ชีพให้มารับนำส่งโรงพยาบาล

น.ส.มาย เผยอีกว่า ในคืนดังกล่าวตนไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มจากโต๊ะอื่นๆ เลย จึงได้เก็บตัวอย่างยาเพื่อส่งตรวจ และเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุ โดยตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนเกือบเอาชีวิตไม่รอด มันทรมานมาก โชคดีที่แพทย์ช่วยชีวิตและล้างท้องได้ทัน ทั้งนี้มีลูกค้าภายในร้านซึ่งเห็นเหตุการณ์และได้เข้ามาดูเศษยาที่ตกตะกอนอยู่ก้นแก้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นยา “แฮปปี้ไฟว์”


ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) เพื่อนของ น.ส.มาย กล่าวว่า คืนนั้นตนไปเป็นเพื่อนของ น.ส.มาย โดยได้นั่งรออยู่ภายในร้าน ต่อมา น.ส.มาย ได้มาตามตนให้ไปดูสิ่งของในแก้ว จากนั้น น.ส.มาย ก็มีอาการหน้ามืด อ่อนแรง ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งมูลนิธิ ให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการค้นหาข้อมูลยา “แฮปปี้ไฟว์” พบว่า เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ที่จัด “ไนเมตาซีแพม” เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 อีกทั้ง “แฮปปี้ไฟว์” เป็นยานอนหลับที่ออกฤทธิ์เร็ว (ภายใน 15-30 นาที) และออกฤทธิ์ได้นาน จึงเหมาะที่จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การมอมยา หรือนำไปใช้เสริมกับยาเสพติดอื่นๆ เช่น ใช้ “แฮปปี้ไฟว์” ภายหลังจากการเสพยาบ้า ยาไอซ์ เพื่อให้หลับ ทั้งนี้ อันตรายของ “แฮปปี้ไฟว์” ก็เหมือนกับยานอนหลับชนิดอื่นๆ คือ การเสพติดยานอนหลับ การกดประสาท และหากใช้ร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก็จะยิ่งเสริมฤทธิ์กดประสาทมากขึ้นไปอีก จนกระทั่งโคม่าและเสียชีวิตในที่สุดประเทศไทย ไม่มีการรับรองให้ขาย ส่วนที่มีการขายและเสพกันนั้น ต้นตอมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในปัจจุบันมีบทกำหนดโทษที่รุนแรง ทั้งผู้เสพและผู้จำหน่าย กล่าวคือ หากเสพเองมีโทษจำคุก 1-5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีจูงใจชักนำยุยงส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวงหรือขู่เข็ญให้ผู้อื่นเสพ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท.