“ไม่เป็นมืออาชีพ” เพราะเอาไปพูดก่อนโดยยังไม่รู้ถึงความเป็นไปได้ของการทำโครงการ สักแต่ว่าหาเสียงไว้ก่อน ขนาดรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาแล้วว่า โครงการในการหาเสียงต้องมีการแจ้งวงเงิน ผลกระทบ กลายเป็นว่า ทางเลขาธิการ กกต.ก็พูดทำนองว่า ถ้าเอาทุกโครงการที่จะใช้เงินของทุกพรรครวมกัน คงไม่ต่ำกว่า 7 ล้านล้านบาท
ซึ่งทำให้คนมึนงงกับการทำหน้าที่นี้ของ กกต.พอสมควร แบบว่า “แจ้งแล้วจบ” อย่างนั้น หรือมีกระบวนการตรวจสอบทัดทานอะไรบ้างหรือไม่ ถ้าเห็นว่ามันทำไม่ได้ เพราะไปกระทบต่อความมั่นคงด้านการเงินการคลังของประเทศ นี่ต้องถามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องความคุ้มค่า
มีข่าวหลุดออกมาว่า ป.ป.ช.ชุดที่มี “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน ได้มีหนังสือมาแล้ว ในทำนองไม่เห็นด้วยว่าจะกระทบวินัยการเงินการคลัง และไม่ได้มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกู้ แต่ปัญหาคือทางสำนักงาน ป.ป.ช.ไม่ยอมยืนยันว่าเป็นรายงานจริงหรือไม่ โดยบอกว่าต้องผ่านกรรมการรับรองทุกคน
ซึ่งเอาจริงก็พอใช้เป็นแนวทางให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ใช้พิจารณาได้แล้ว และเสี่ยนิดเองในฐานะ รมว.คลัง เป็นประธานบอร์ดดิจิทัลโดยตำแหน่ง กลับยึกยัก ยักแย่ยักยันไม่ยอมเรียกประชุมบอร์ดง่ายๆ ปล่อยรัฐมนตรีหนิม จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ออกมาเป็นหนังหน้าไฟไปเรื่อย ล่าสุดก็จะเลื่อนจาก พ.ค.แล้ว

ล่าสุดเสี่ยนิดให้สัมภาษณ์ว่า “ยอมรับว่าจะต้องรอคำเสนอแนะจาก ป.ป.ช. ซึ่งรอมานานแล้ว ต้องมีวิธีการอื่นรองรับ เพราะคำเสนอแนะยังไม่มาสักที ประชาชนเขาคอยไม่ได้ และที่ว่า ป.ป.ช.รอการดำเนินการที่ชัดเจนกับรัฐบาล ไม่ค่อยแน่ใจว่า ป.ป.ช.รอรัฐบาลเรื่องอะไร จึงต้องขอสอบถามก่อนดีกว่า อย่าให้พูดไปโดยไม่มีข้อมูล ขอเป็นต้นสัปดาห์หน้า”
ก็ไม่รู้ว่า ใครรอใครกัน คือโยนกันจนงงระหว่างรัฐบาลเสี่ยนิดกับ ป.ป.ช.ชุดบิ๊กกุ้ย เอาจริงๆ คือ เมื่อมันมีรายงานหลุดมาแล้ว และสื่อมวลชนคงมั่นใจ “แหล่งข่าว” ได้ระดับหนึ่งจึงมีการนำเสนอไป เช่นนั้นแล้ว เมื่อเสี่ยนิดรอแล้วรอเล่า แต่บอกประชาชนรอไม่ได้ ป.ป.ช.ก็รีบสรุปรายงานเสนอรัฐบาลไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวดีไหม
บอร์ดใหญ่จะได้ตัดสินใจเสียที ว่า “จะมีการเปลี่ยนรูปแบบการแจกหรือไม่ อย่างไร จะยกเลิกโครงการหรือไม่เพราะเห็นถึงความไม่คุ้มทุน” (และจะเสี่ยงโดนฟ้องหรือไม่เพราะมันเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา) หรือถ้าดำเนินโครงการต่อ ไอ้ประเมินการกระตุ้นเศรษฐกิจนั่นมันแน่ คนใช้เงิน แต่ต้องประเมินโอกาสกลายเป็นหนี้เอ็นพีแอลด้วย
ความเห็น ป.ป.ช.มันเป็นความเห็นที่ไม่ต้องผูกมัดกับฝ่ายบริหาร ถ้ามั่นใจจริงๆ ว่าไม่มีปัญหา (ต้องคิดมาแล้วก่อนออกนโยบาย จริงไหม) รัฐบาลก็เดินหน้าโครงการไปเลย ไม่ใช่ถ่วงไปเรื่อย รอนายกฯ ที่ไปแต่ต่างประเทศนัด ซึ่งไม่รู้เมื่อไร มันจะกลายเป็นรัฐบาลถ่วงไปหมดแล้ว ขนาดแก้รัฐธรรมนูญที่ว่าเร่งๆ ก็ยังจะไปทำให้มันช้า
จะอ้างผลงานควิกวินว่ารัฐบาลทำงานเร็ว แต่ภาพจำมันอยู่ที่คุณช้าในงานภาพใหญ่ มันเสียกระบวนไปเยอะ.