นายวิชัย ปาทาน ผู้บริหารวิชัยฟาร์มซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ที่เข้าร่วมโครงการโคบาลชายแดนใต้ ซึ่งเป็นโครงการของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพของเกษตรกรด้วยการตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อการเลี้ยงโค โดย วิชัยฟาร์ม ได้เลือกเอา จ.สตูล เป็นโครงการนำร่อง ตามคำแนะนำของ ศอ.บต. ว่า จ.สตูล เป็นจังหวัดที่เกษตรกรมีความพร้อมที่สุดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ศอ.บต.ได้จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจเพื่อเข้าร่วมโครงการโคบาลชายแดนใต้ 18 กลุ่ม และ วิชัยฟาร์ม ได้มอบโคให้เกษตรทั้ง 18 กลุ่ม กลุ่มละ 50 ตัว ตามข้อตกลง เพื่อเป็นการนำร่องโดยยังไม่ได้เข้าโครงการวิชัยฟาร์ม เป็นผู้ลงทุนในการทำแปลงหญ้า แปลงละ 100,000 บาท และสร้างคอกรวม คอกละ 350,000 บาท พร้อมทั้งส่งมอบโคตัวละ 17,000 บาท พร้อมทั้งการดูแลในเรื่องการผสมเทียม การฉีดวัคซีน โดยที่เกษตรกรทั้ง 18 กลุ่ม ยังไม่ได้จ่ายเงินให้กับ วิชัยฟาร์ม เพราะเป็นการนำร่อง โดยยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ

ต่อมาปรากฏว่า กลุ่มวิสาหกิจทั้ง 18 กลุ่ม เข้าเงื่อนไขของโครงการโคบาลชายแดนใต้เพียง 8 กลุ่มอีก 10 กลุ่มไม่อยู่ในเงื่อนไขเพราะที่ทำกินของเกษตรกร ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน และที่สาธารณประโยชน์ ทำให้เข้าร่วมโครงการไม่ได้ รวมทั้งแปลงหญ้าและคอกรวมที่เกษตรกำหนดพื้นที่ให้ วิชัยฟาร์ม สร้าง ก็อยู่ในพื้นที่สงวน และสาธารณประโยชน์ กลายเป็นปัญหาทั้งของเกษตรกร และ วิชัยฟาร์ม เพราะเมื่อไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เกษตรกรก็ไม่ได้รับเงินจากโครงการ แต่มีภาระที่ต้องเลี้ยงวัวกลุ่มละ 50 ตัว ซึ่งขาดทั้งเงินทุนในการเลี้ยงโค และผู้ที่เลี้ยงโคก็ไม่ได้รับค่าแรงวันละ 900 บาท นี่ก็เป็นสาเหตุที่โคที่เลี้ยงมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ตามข่าวที่สื่อนำเสนอ

ในส่วนของ วิชัยฟาร์ม เมื่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไม่เข้าเงื่อนไขของโครงการ ก็เบิกเงินที่ลงทุนไปแล้วไม่ได้กว่า 20 ล้านบาท วันนี้จึงไม่ใช่ เกษตรกรเดือดร้อน แต่ วิชัยฟาร์ม ก็ได้รับความเสียหายด้วย นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโคบาลชายแดนใต้ ที่ จ.สตูล และในส่วนของคอกรวมบางคอก ที่มีการบอกว่าสร้างผิดแบบ เป็นการสร้างของเกษตรกร ที่ขอความช่วยเหลือจาก วิชัยฟาร์ม ว่าขอที่จะสร้างกันเอง เพราะต้องการมีงานทำ และต้องการค่าจ้าง โดยวิชัยฟาร์ม เป็นผู้ส่งวัสดุไปให้ แต่มีการสร้างที่ผิดแบบ ซึ่งเรื่องนี้แก้ไขได้ ถ้าเกษตรกรทั้ง 10 กลุ่ม สามารถเข้าร่วมโครงการได้ หลังมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น วิชัยฟาร์ม ก็ได้มีการหารือกับ ศอ.บต. เพื่อให้เข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องการใช้ที่ดินในป่าสงวน และในที่สาธารณประโยชน์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งล่าสุด ศอ.บต. ได้หาทางออกโดยขอให้ วิชัยฟาร์ม รับวัวทั้งหมดจากเกษตรกร 10 กลุ่ม นำกลับไปเลี้ยงดูก่อน แต่ วิชัยฟาร์ม เห็นว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง วิธีการที่ถูกต้องคือ ศอ.บต. ต้องเร่งพูดคุยกับส่วนราชการ เพื่อขอใช้พื้นที่ ซึ่งมีการทำแปลงหญ้า และคอกรวม ไว้แล้ว เพื่อให้เป็นการใช้อย่างถูกต้อง เพราะเกษตรกรที่มีปัญหา ทำกินในพื้นที่ดังกล่าวมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีเอกสารสิทธิในที่ทำกินเท่านั้น