สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ว่า ศาลอุทธรณ์ในกรุงวอชิงตันมีคำพิพากษาเป็นเอกฉันท์ ว่าการที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างการได้รับสถานะคุ้มกัน จากความผิดทางอาญาที่เกิดขึ้น ระหว่างการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศนั้น “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ และโครงสร้างทางรัฐธรรมนูญของสหรัฐ”


แถลงการณ์ของศาลระบุต่อไปว่า จุดยืนของอดีตผู้นำสหรัฐเป็นการสั่นคลอนเสาหลักทั้งสามเสาของระบอบการปกครอง เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ศาลกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน ทรัมป์คือพลเมืองสหรัฐคนหนึ่ง สิทธิคุ้มกันที่เคยได้รับระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีอยู่อีกต่อไป


อนึ่ง ศาลอธิบายความหมายของสิทธิคุ้มกันสำหรับประธานาธิบดี หมายความว่า สภาคองเกรสไม่สามารถบัญญัติข้อกำหนดหรือกฎหมาย ฝ่ายบริหารไม่สามารถฟ้องร้อง และฝ่ายตุลาการไม่อาจพิจารณา


ด้านทีมงานฝ่ายฎหมายของทรัมป์เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ขณะที่อดีตผู้นำสหรัฐประณามคำพิพากษาของศาลอย่างหนัก ว่าเป็นการบ่อนทำลาย และกล่าวว่า ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐต้องได้รับสิทธิคุ้มกันเต็มรูปแบบ เพื่อการใช้อำนาจบริหารอย่างเหมาะสม และการกระทำสิ่งที่ถูกต้องแก่บ้านเมือง

อย่างไรก็ตาม การที่ศาลมีคำพิพากษา เลื่อนการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์จลาจล ที่รัฐสภาในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ถือเป็น “ชัยชนะทางยุทธศาสตร์” สำหรับอดีตผู้นำสหรัฐ เนื่องจากหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง จะอยู่ในสถานะ “ที่ไม่อาจถูกดำเนินคดีได้”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES