จากกรณี นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ ลุงจรูญ ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์และรับของโจร รวมถึงคดีอื่นๆ รวมกว่า 10 คดี และมีการต่อสู้ในชั้นศาลกันมานานกว่า 5 ปี จนกระทั่งศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องลุงจรูญ ทำให้คดีอื่นๆ ถูกยกฟ้องตามไปด้วย โดยภายหลัง ลุงจรูญ จึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องครูปรีชา และทนายความ ในความผิดฐานร่วมกันฟ้องเท็จกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ในวันที่ 23 ส.ค. 65

โดยวันนี้ (8 ก.พ.) ที่ ศาลจังหวัดกาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ ลุงจรูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา และนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความของครูปรีชา ในความผิดฐานร่วมกันฟ้องเท็จกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา

ล่าสุด ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เปิดเผยหลังเข้าฟังการตัดสินของศาล คดีที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือลุงจรูญ ยื่นฟ้องนายปรีชา ใคร่ครวญ กับพวก ปมหวย 30 ล้าน ว่า คดีที่ฟ้องร้องไปนั้น คดีแรกฟ้องทนายครูปรีชากับตัวครูปรีชาเอง ในข้อหาร่วมกันฟ้องเท็จ โดยศาลรอลงคำพิพากษา ต้องนำกลับไปทำคำพิพากษาใหม่ เนื่องจากครูปรีชากลับคำรับสารภาพสลับไปมา

ส่วนคดีที่สอง คือคดีร่วมกันเบิกความเท็จ ที่ครั้งแรกครูปรีชายอมรับสารภาพ แต่มากลับคำรับสารภาพภายหลัง ศาลเล็งเห็นว่าเป็นการประวิงเวลา จึงไม่ยินยอมให้กลับคำรับสารภาพ โดยมีนัดฟังคำตัดสินวันที่ 20 มี.ค.

คดีที่สาม เป็นคดีที่ฟ้องร้องเจ๊พัช เจ๊บ้าบิ่น และพยานบุคคลอื่นๆ รวม 10 คน ในข้อหาเบิกความเท็จ แต่เนื่องจากคุยไกล่เกลี่ยไม่ลงตัว เนื่องจากมีปัญหาเรื่องเงิน 2.5 ล้านบาท ที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องไป แต่กลุ่มพยานไม่ยินยอมจะร่วมชดใช้ จึงขอต่อสู้คดี โดยมีนัดไต่สวนมูลฟ้องเดือน เม.ย.

ทั้งนี้ ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า ครูปรีชา ระบุว่า หากฟ้องพยานแบบนี้ สังคมจะอยู่อย่างไร ทำให้ลุงจรูญ โมโห ไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ยหรือถอนฟ้องแล้ว ให้นำเงินไปวางที่ศาลดีกว่า

ด้าน ลุงจรูญ กล่าวว่า ตนน่าจะเป็นคนพูดให้ครูปรีชาฟังมากกว่า ว่า การที่มีคนอย่างคุณอยู่แล้วสังคมจะอยู่อย่างไร และในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง วันหน้าก็ไม่ต้องคุยกันดีกว่า ตนไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน จะจบก็ได้ แต่ให้โอกาสแล้ว เขาไม่คว้าไว้ ตนเหนื่อยกายเหนื่อยใจแล้ว เพราะรู้มาแต่แรกว่าคดีจะนานแน่ๆ หากเรื่องยังไม่จบก็คงไม่ขอซื้อหวยอีก.